เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนหลักที่ใช้ผลิตน้ำประปาให้ชาวเชียงใหม่ แต่ในปี 2559 ระดับน้ำในเขื่อนลดลงต่ำสุดในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนมา ซึ่งเหลือน้ำใช้การเพียงร้อยละ 20 หรือประมาณ 58 ล้านลูกบากศ์เมตร
นายประพนธ์ เครือปาน ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัด ระบุว่า ต้องยืดระยะเวลาการใช้น้ำที่เหลืออยู่ออกไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2559 พร้อมย้ำว่าการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคยังเพียงพอ แม้ จ.เชียงใหม่ จะเป็นจังหวัดอันดับ 1 ที่มีการใช้น้ำประปามากที่สุดในภาคเหนือ ขณะที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรมชลประทานจะเสริมน้ำให้ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ตลอดทั้ง 3 วัน แม้ว่าระดับน้ำจะลดลงมากกว่าทุกปี ซึ่งคาดว่าจะไม่ต้องนำน้ำก้นเขื่อนที่มีอยู่ประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรมาใช้อย่างแน่นอน
"ยังไงน้ำก้นเขื่อน 10 ล้านลูกบาศก์เมตรก็ยังคงอยู่ พยายามจะไม่ใช้ แต่ถ้าสถานการณ์มันแปรปรวนจริงๆ น้ำ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรตรงนั้นเราบริหารจัดการได้ไม่ยาก เพราะฉะนั้นเราให้ความมั่นใจกับเกษตรกรและนักท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ได้อย่างเต็มที่เลยว่ายังไงในเชียงใหม่จะไม่ขาดน้ำอุปโภคบริโภคแน่นอน" นายประพนธ์ กล่าว
ขณะที่บริเวณรอบเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลในเขตพื้นที่ชลประทาน มีการทำข้าวนาปรังจำนวนมาก เกษตรกรบางคนใน ต.ช่อแล อ.แม่แตง ต้องเสี่ยงทำนาทั้งที่ทราบว่ามีน้ำน้อย เนื่องจากเป็นนาเช่าจึงทำให้ต้องแบกรับภาระค่าเช่านาปีละหมื่นกว่าบาท
ส่วนชาวบ้าน ต.แม่วะ อ.เถิน จ.ลำปาง ต้องนำภาชนะไปต่อคิวรับน้ำจากบ่อน้ำตื้น เพื่อนำไปใช้ในครัวเรือนและเลี้ยงสัตว์ บางคนต้องนอนรอเฝ้าน้ำทั้งคืนไม่เช่นนั้นจะไม่มีน้ำใช้ สร้างความกังวลใจให้กับชาวบ้านที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะเพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูแล้ง
ภัยแล้งที่รุนแรงต่อเนื่องทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือที่เป็นพื้นที่ต้นน้ำประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง เพราะหลายชุมชนที่ใช้น้ำจากลำห้วยผลิตน้ำประปาต้องเร่งขุดบ่อน้ำตื้นหาน้ำใช้ เพื่อให้ผ่านเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนนี้ไปให้ได้