นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. มีคำสั่งเรียกประชุมวันที่ 7 เม.ย.2559 เพื่อพิจารณาวาระด่วนเรื่องการให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามวาระการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติจะเข้าสู่วาระที่ 2 ขั้นแปรญัตติ และวาระ 3 การลงมติผ่านร่างกฎหมายเพื่อให้แล้วเสร็จในวันเดียว
เนื่องจากมีวาระที่จะพิจารณาแนวคำถามของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เรื่องให้รัฐสภาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ 5 ปี ก่อนลงมติชี้ขาดคำถามพ่วงการทำประชามติ ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการตามกระบวนการออกเสียงประชาติที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้
เมื่อ สนช.ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายการทำประชามติแล้ว ก็จะถือว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ "มีชัย ฤชุพันธุ์" ที่ร่างเสร็จสมบูรณ์และเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2559 จะเข้าสู่กระบวนการทำประชามติอย่างเป็นทางการ เนื่องจากมีกฎหมายที่จะรองรับการทำประชามติและควบคุมดูแลสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อย
ขณะที่ กกต.เตรียมแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติให้ประชาชนซึ่งคาดว่าจะเริ่มแจกในวันที่ 27 เม.ย.-4 พ.ค.2559 จากนั้นจะเข้าสู่การช่วงของการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และการทำความเข้าใจในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ภายในวันที่ 29 มิ.ย. กกต.ต้องประกาศวันออกเสียงประชามติซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นวันที่ 7 ส.ค.2559
หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติความเห็นชอบให้มีผลบังคับใช้ กรธ.จะมีระยะเวลา 8 เดือนในการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก รวม 10 ฉบับ มีรายงานว่า กรธ.จะเร่งร่างกฎหมายลูกที่ว่าด้วยการจัดการเลือกตั้งรวม 4 ฉบับให้แล้วเสร็จ เพื่อส่งให้ สนช.พิจารณาก่อน เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น กำหนดว่าหลังมีการประกาศให้บังคับใช้กฎหมาย 4 ฉบับจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภานใน 150 วัน ซึ่งนั่นต้องหมายความว่า การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นภายใน ปี 2560 ตามโรดแมป คสช.