นักวิเคราะห์มองว่าในรอบ 12 ทีมสุดท้ายนี้ ไม่ว่าทีมชาติไทยจะอยู่ในสายไหนก็ถือเป็นงานหนักของทีมอย่างแน่นอน แต่ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชทีมชาติเคยประกาศว่าพร้อมเจอทีมยักษ์ใหญ่ในเอเชียทุกทีม และคิดว่าหากทีมอื่นๆ ประมาททีมไทยเพราะคิดว่ามีอันดับโลกต่ำสุด ก็มีโอกาสที่จะเปิดช่องว่างให้นักเตะแสดงฝีมือได้มากเท่านั้น
สำหรับการจับสลากในวันนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลได้ส่ง "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลไปเป็นตัวแทนของสมาคมร่วมกับเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลในการจับสลากซึ่งจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
สำหรับการแบ่งโถจับสลากฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียนั้นแบ่งตามอันดับโลกของทีม ซึ่งฟีฟ่าได้ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดังนี้
โถ 1 : อิหร่าน (อันดับ 42) ออสเตรเลีย (อันดับ 50)
โถ 2: เกาหลีใต้ (อันดับ 56) ญี่ปุ่น (อันดับ 57)
โถ 3: ซาอุดิอาระเบีย (อันดับ 60) อุซเบกิสถาน (อันดับ 66)
โถ 4: อาหรับเอมิเรตส์ (อันดับ 68) จีน (อันดับ 81)
โถ 5: กาตาร์ (อันดับ 83) อิรัก (อันดับ 105)
โถ 6: ซีเรีย (110) ไทย (119)
"เลสเตอร์ ซิตี้" เตรียมส่งทีมงานช่วย "ช้างศึก"
หลังจากผลการจับสลากฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายออกมา ทีมงานของเลสเตอร์ ซิตี้ จะมาช่วยวิเคราะห์คู่แข่งร่วมสายของไทยตามคำขอของ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าได้พูดคุยกับ วิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้เพื่อขอความช่วยเหลือจากเลสเตอร์ในการเตรียมทีมชาติสู้ศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย เช่น การนำโปรแกรมวิเคราะห์เกมของเลสเตอร์มาใช้วิเคราะห์การเล่นของทีมร่วมสายในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รวมถึงความช่วยเหลือจาก เคลาดิโอ รานิเอรี ในการแก้เกม ซึ่งประธานสโมสรเลสเตอร์อนุญาตให้ทีมงานของเลสเตอร์ช่วยเหลือซิโก้ในการทำทีมลุยรอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย และจะส่งให้สเกาต์ของเลสเตอร์ ช่วยซิโก้วิเคราะห์เกมอีกด้วย
คาดการณ์โปรแกรม "ช้างศึก" หลังจับสลากแบ่งสาย
เมื่อมีการแบ่งโถการจับสลากแล้ว ฟีฟ่ากำหนดโปรแกรมลงเล่นรอบคัดเลือกไว้แล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าไทยมีโอกาสเจอกับทีมใดบ้าง ซึ่งฟีฟ่าแบ่งการแข่งขันในปลายปีนี้ 5 นัด ปีหน้าอีก 5 นัด
ย้อนอดีตฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกของทีมไทย
เมื่อ 14 ปีที่แล้วทีมไทยเคยเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกโซนเอเชีย ในยุคที่นักเตะชุดดรีมทีมทั้ง ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ดุสิต เฉลิมแสน และตะวัน ศรีปาน ยังเล่นให้ทีมชาติอยู่ ในยุคนั้นทีมชาติไทยอยู่อันดับ 61 ของโลก เป็นทีมที่มีอันดับดีที่สุดอันดับ 3 ในทีมที่เข้าไปเล่นรอบ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียในสมัยนั้น ไทยอยู่ร่วมสายกับทีมจากตะวันออกกลางทั้งอิรัก อิหร่าน บาห์เรน และซาอุดิอาระเบีย เพราะในยุคนั้นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ
นัดแรกไทยบุกไปเยือนอิรักแพ้ไป 0-4 กลับมาเล่นในบ้านยันเสมออิหร่าน 0-0 ออกไปเยือนบาห์เรนเสมอ 1-1 จากการทำประตูของซิโก้ เกียรติศักดิ์ นัดต่อมาไทยแพ้คาบ้านต่อซาอุ 1-3 เกมนั้น เสกสรรค์ ปิตุรัตน์ ทำประตู และไทยยังได้เล่นในบ้านเสมออิรัก 1-1 จากการทำประตูของ สุธี สุขสมกิจ
ทีมไทยเริ่มหมดหวังเมื่อบุกไปแพ้อิหร่าน 0-1 แม้นัดต่อมาจะเปิดบ้านเสมอบาห์เรน 1-1 จากการทำประตูของวรวุฒิ ศรีมะฆะ แต่ไม่มีผลต่อการเข้ารอบนัดสุดท้าย บุกไปแพ้ซาอุ 1-4 เสกสรรค์ ทำประตูในเกมนั้น
8 นัดที่ไทยลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียยุคปีเตอร์ วิธ เสมอ 4 แพ้ 4 มี 4 คะแนนจบอันดับสุดท้ายทำได้ 5 ประตู เสีย 15 ประตู
ตั้งแต่ทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่บขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ดาวยิงทีมชาติที่มีสถิติการทำประตูสูงสุดให้กับทีมคือ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
ทีมไทยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกตั้งแต่เมื่อ 42 ปีที่แล้ว เกมนัดล่าสุดคือเกมที่ไทยบุกไปเสมออิรัก 2-2 รวมแล้วไทยลงเล่นไป 79 นัด ชนะ 24 เสมอ 16 แพ้ 39 ทำได้ 110 ประตู เสีย 132 ประตู
ซิโก้เป็นดาวยิงทีมชาติที่ทำประตูให้ทีมไทยมากที่สุด 14 ประตู รองลงมาคือ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน 10 ประตู ส่วนผู้ที่ทำ 8 ประตูให้ทีมชาติ เป็นอดีตศูนย์หน้าเจ้าของฉายา โจ้ 5 หลา ศรายุทธ ชัยคำดี ที่ตอนนี้ค้าแข้งอยู่กับ ขอนแก่นยูไนเต็ด ขณะที่ธีรศิลป์ แดงดา กับ เศกสรรค์ ปิตุรัชน์ ทำคนละ 7 ประตูให้ทีมชาติ