วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการธนาคารต้นไม้ทั่วประเทศประมาณ 100 คน นำโดย นายพงศา ชูแนม ผู้จัดการใหญ่ และประธานมูลนิธิธนาคารต้นไม้ นายสุนทร รักษ์รงค์ และนายหาญณรงค์ เยาวเลิศ กรรมการที่ปรึกษา ธนาคารต้นไม้ ยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสนอแนวทางการส่งเสริมปลูกต้นไม้และแผนการเพิ่มพื้นที่ป่า 26 ล้านไร่ หรือให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ โดยมีพล.อ.สกล ชื่นสกุล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี รับมอบ
นายพงศาเปิดเผยว่า ตามหลักการมูลค่าจะเกิดขึ้นเมื่อต้นไม้มีชีวิต แต่ที่ผ่านมามูลค่ามักเกิดขึ้นเมื่อต้นไม้ตาย แล้วเท่านั้น คณะกรรมการธนาคารต้นไม้มีความเชื่อ แตกต่างจากหลักการที่ระบุไว้ คือ เชื่อว่าที่ผ่านมากรมป่าไม้ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปลูกป่าเพิ่มขึ้นได้ มิหนำซ้ำยังทำให้ป่าลดลง ประกอบกับการปลูกป่าก็ไม่สามารถสร้างขึ้นจากการกดขี่หรือปลายกระบอกปืน แต่ต้องสร้างโดยใช้แรงจูงใจ ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลได้ให้พันธสัญญากับโลกในเวทีการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 21 (COP 21) ที่กรุงปารีส ว่า จะลดอุณหภูมิโลก 2 องศาเซลเซียส ภายใน 20 ปี จึงมีนโยบายปลูกป่าให้ครบร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ หรืออีก 26 ล้านไร่ กรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงใช้อำนาจยึดที่ดินทำกินของประชาชนที่เข้าไปครอบครองโดยไม่มีเอกสารสิทธิ์ 35 ล้านไร่คืน
ประธานมูลนิธิธนาคารต้นไม้กล่าวว่า ถ้ารัฐทวงคืนผืนป่า เพื่อปลูกป่าเพิ่ม 26 ล้านไร่ จะทำให้มีคนสูญเสียที่ดิน 26 ล้านไร่ ทันทีและจะทำให้คนยากจน หรือไม่มีที่ดินทำกิน ยากลำบาก กลายเป็นปัญหาสังคมตามมา ธนาคารต้นไม้จึงเสนอทางออกไปยังรัฐบาล ใช้ชุดความรู้และนวัตกรรม ที่ธนาคารต้นไม้ใช้ดำเนินการมากว่า 10 ปี เป็นแนวทางปฏิบัติ ซึ่งมุ่งส่งเสริมให้ปลูกต้นไม้จากแรงจูงใจ ปลูกในที่ดินของตนเอง ซึ่ง 10 ปีที่ผ่านมาของธนาคารต้นไม้ สามารถปลูกป่าเพิ่มได้ 150 ล้านต้น ใน 3,000 สาขาทั่วประเทศ
“เราสนับสนุนการเพิ่มพื้นที่ป่าของรัฐบาลภายใน 10 ปี แต่ต้องส่งเสริมให้ประชาชนปลูกในที่ดินของตนเอง โดยไม่ต้องทวงคืนผืนป่า 26 ล้านไร่ จะได้ต้นไม้ 1,040 ล้านต้น มูลค่า 1.04 ล้านล้านบาท สร้างรายได้ 2.65 แสนล้านบาท แก่เกษตรกรรายย่อย 2.6 ล้านครัวเรือน” นายพงศากล่าว
ขอบคุณภาพ : หาญณรงค์ เยาวเลิศ