วันนี้ (8 พ.ค.2559) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าตรวจสอบโครงการอุโมงค์ไฟ 39.5 ล้านบาทว่า ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ จะทำหนังสือทักท้วงไปยัง สตง.เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดเพิ่มเติมกับรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างน้อย 2 คน คือนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯ ที่ดูแลด้านงบประมาณ ซึ่งเป็นผู้ลงนามอนุมัติงบฯ ฉุกเฉิน และนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ ดูแลด้านการท่องเที่ยว เพราะจากการติดตามตรวจสอบข้อมูลโครงการนี้มาตลอด เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องด้วย
นอกจากนี้ จากการแถลงของ สตง.มีความชัดเจนแล้วว่าโครงการอุโมงค์ไฟมีความทุจริตแน่นอน ดังนั้น จึงน่าจะมีอีก 2 โครงการที่มีแนวโน้มผิดปกติด้วย คือการให้บริษัทเอกชนรายเดียวจัดกิจกรรมอีเว้นท์โฆษณา รวม 9 ครั้ง จำนวน 36 ล้านบาทของกรุงเทพมหานคร และขายเครื่องดนตรีไทยให้กรุงเทพมหานครกว่า 2 ล้านบาท โดยทั้งหมดนี้ใช้งบประมาณปี 2558 โดยจะยื่นทั้ง 2 โครงการให้ สตง.เพื่อเอาผิดเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าไม่มีทางหลบหลีกความผิดได้ เพราะรูปแบบการดำเนินงานเป็นแบบเดียวกับโครงการอุโมงค์ไฟ
นายวิลาศ กล่าวว่า กรณีนี้สามารถนำไปสู่การใช้อำนาจหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ดำเนินการแก้ปัญหาได้ แม้ว่านายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ายังใช้อำนาจตามมาตรา 44 ทันทีไม่ได้ โดยเห็นว่า สตง.สามารถเสนอไปยังคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรม และเสนอผ่านขั้นตอนไปถึงนายกรัฐมนตรีได้ เพื่อจะพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 44 ต่อไป
นอกจากนี้ จะเสนอ สตง.ตรวจสอบโครงการของกรุงเทพมหานครเพิ่มอีก 2 โครงการด้วย คือโครงการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง และโครงการจัดซื้อเครื่องขัดพื้นให้กับสำนักงานเขตต่างๆ โดยอยู่ในการดูแลของนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯ ดูแลด้านสำนักรักษาความสะอาด และสำนักการโยธา
ทั้งนี้ ไม่ขอออกความเห็นหรือตำหนิ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าควรจะยุติการทำหน้าที่ผู้ว่าฯ แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ศึกษารายละเอียดปัญหาทุจริตโครงการนี้จริงหรือไม่ เพราะยังออกมาแถลงฟ้องร้องผู้กล่าวหา พร้อมขอเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของสุภาพสตรีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นข้าราชการในกรุงเทพมหานคร