ในวาระครบรอบ 24 ปี เหตุการณ์ทางการเมืองปี 2535 หรือพฤษภาทมิฬ มีการจัดกิจกรรมรำลึกภายใต้ชื่อ "รำลึกสืบสาน 24 ปี พฤษภาประชาธรรม" มีทั้งญาติวีรชน ผู้ร่วมเหตุการณ์ และบุคคลสำคัญทางการเมืองเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก แต่เวทีการปาฐกถาเรื่องสิทธิเสรีภาพและรัฐธรรมนูญ กลายเป็นประเด็นที่สะท้อนถึงบริบทของสังคมไทยและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
วันนี้ (17 พ.ค. 2559) มูลนิธิพฤษภาประชาธรรม และคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้จัดกิจกรรม "รำลึกสืบสาน 24 ปี พฤษภาประชาธรรม" เพื่อรำลึกถึงผู้สูญเสียในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทางการเมือง ที่ประชาชนต่อสู้กับรัฐบาลทหารเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย “พฤษภาประชาธรรมปี 2535” ที่สวนสันติพร อนุสรณ์สถาน-พฤษภาประชาธรรม ถ.ราชดำเนิน กทม.
ไม่เพียงแค่ญาติวีรชน หรือบุคคลที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ที่เข้าร่วมวางพวงมาลาและร่วมพิธีกรรมทางศาสนา แต่ยังมีตัวแทนกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองแบบไม่เลือกฝ่ายหรือเลือกข้าง เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และนอกจากการพิธีการต่าง ๆ แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมของเหล่าศิลปิน มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ-รำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นอกจากกิจกรรมสร้างสรรค์แล้ว ยังมีเวทีเสวนาวิชาการที่มีนักการเมืองและนักวิชาการร่วมปาฐกถา ในหัวข้อ “ความสำคัญของสิทธิเสรีภาพ นิติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในรัฐธรรมนูญ” ซึ่งชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการของประชาธิปไตยไทย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ปี 2535 ถึงปัจจุบัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการประชาธิปไตยที่ดีขึ้นมาตามลำดับ ด้วยการเปิดกว้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ ผ่านรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับปี 2538 ฉบับปี 2540 หรือแม้แต่ฉบับในปี 2550 หลังการจัดตั้งรัฐบาล-คมช. แต่ในทางกลับกันรัฐบาล-คสช. กลับร่างรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาถดถอย โดยเฉพาะหมวดสิทธิและเสรีภาพ
แม้จะยืนอยู่อีกฝากฝั่งหนึ่งทางการเมือง แต่ นายโภคิน พลกุล แสดงทัศนะต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ต่างออกไป ทั้งยังชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่ได้ชื่อว่าฉบับปราบโกง มีการเพิ่มอำนาจให้องค์กรอิสระตรวจสอบภาครัฐ แต่กลับไม่เพิ่มอำนาจให้ประชาชน
การจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปี 2535 ในวาระครบรอบ 24 ปี แม้หลายคนที่ร่วมงานรำลึกจะคิดและเห็นต่างกันด้วยจุดยืนทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน คือไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียจากเหตุการณ์ทวงคืนประชาธิปไตย ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใด แม้แต่ในกรณีที่นำมาซึ่งรัฐบาลทหารก็ตาม