หมออีม วัย 32 ปี ขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์ ประเทศเนปาลได้สำเร็จในช่วงสายของวันที่ 19 พ.ค.2559
"นาทีแรกที่ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขา ความรู้สึกมันว่างเปล่ามาก เพราะก่อนหน้าที่จะขึ้นไปถึง เราเลิกคิดถึงตัวเองไปแล้ว ถ้าลำพังเราคิดถึงตัวเองว่าเราทำเพื่อตัวเอง คงไปไม่ถึงแน่ๆ ที่อีมไปถึงเพราะท่องอยู่ในใจตลอดเวลาว่าพระบรมฉายาลักษณ์กับธงชาติไทยต้องขึ้นไปอยู่บนนั้นให้ได้ และความฝันของหลายๆ ฝันที่ฝากมามันพาอีมไปถึงตรงนั้น"
"ระหว่างที่เดินขึ้นไป เรารู้สึกว่าได้เห็นความจริงของชีวิตหลายๆ อย่าง ในเมื่อเรามีความมุ่งมั่นว่าเราจะทำอะไร ต่อให้ข้างทางจะมีอุปสรรคอะไรเราก็ไม่สนใจ เพราะเป้าหมายเราอยู่ข้างบน เราทำเพื่ออะไร เรารู้ ไม่อยากเรียกว่าเราพิชิตจุดสูงสุดของโลก เพราะเหมือนธรรมชาติอนุญาตให้เราขึ้นไปอยู่บนนั้นมากกว่า ไม่ใช่แค่เอเวอเรสต์ ภูเขาทุกลูกเลยสอนให้รู้ว่ามนุษย์เราเล็กกระจ้อยร่อยเพียงใด และธรรมชาติยิ่งใหญ่แค่ไหน ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ก็ทำให้รู้สึกว่าเราต่ำแค่นั้น" หมออีมกล่าว
วันนี้ (24 พ.ค.2559) หมออีมและทีมงานเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวของเนปาลเพื่อรับเกียรติบัตร และรับช่อดอกไม้แสดงความยินดีจากเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุ
หมออีม นายคมรัฐ พิชิตเดช และซีฟ ฮาร์สตัด นักปีนเขาชาวนอร์เวย์ เป็นทีมเดียวกันที่ปีนเขาเอเวอเรสต์ครั้งนี้จะพักผ่อนอยู่ที่กรุงกาฐมาณฑุ และจะเข้าร่วมวันฉลองครบรอบการพิชิตยอดเอเวอเรสต์ ในวันที่ 29 พ.ค.2559 ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
ทญ.นภัสพร เป็นชาว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ปัจจุบันเป็นทันตแพทย์ประจำโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เธอเคยเขียนเล่าถึงที่มาของความฝันในการปีนเขาเอเวอเรสต์ว่า เริ่มจากการติดตามข่าวคนไทยคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จในปี 2551 ทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจและมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์นับแต่นั้นมา