นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้ตรวจราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีการตรวจยึดชิ้นส่วนอวัยวะเสือจากวัดป่าหลวงตาบัว จ.กาญจนบุรี ว่า องค์กรต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้แทนในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้จะสูญพันธุ์ หรือไซเตส ชื่นชมประเทศไทยที่เข้มงวดป้องกันการค้าสัตว์ป่า เนื่องจากเสือถือเป็นสัตว์ป่าในบัญชีหมายเลข 1 ห้ามค้าขายโดยเด็ดขาด ทำให้กรณีการจับกุมผู้แสวงหาผลประโยชน์จากซากเสือ ถือเป็นการตัดเส้นทางการค้าสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ตามอนุสัญญาไซเตสมุ่งเน้นประเทศสมาชิกกว่า 140 ประเทศ ต้องควบคุมการห้ามล่า ห้ามค้า สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ตามธรรมชาติ แต่กรณีการเพาะพันธุ์ เพื่อส่งออกนั้นต้องได้รับอนุญาตและได้รับการรับรองจากต้นทาง ปลายทาง โดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ส่วนกรณีวัดป่าหลวงตาบัวนั้น ไม่มีใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์เสือ หรือใบอนุญาตให้ขังกรง จัดแสดง จึงถือว่าฝ่าฝืน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าปี 2535 เช่นเดียวกับการค้าซากเสือที่มีความผิดตามกฎหมายฉบับเดียวกัน
ข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า ปัจจุบันไทยมีเสือที่อาศัยตามธรรมชาติอยู่เพียง 250-300 ตัว แม้จะเป็นจำนวนที่น่าเป็นห่วง แต่ยังถือว่ามากกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน สำหรับเสือที่ถูกขังกรงมีอยู่ประมาณ 1,300 ตัว