วันนี้ (10 มิ.ย. 2559) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สารคดีตามคิดชีวิตของเด็กผู้หญิงชาวเกาหลีเหนือในชื่อ รี จินมี (Ri Jin-mi) ตอนแรกถูกวางไว้ให้เป็นภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อ ที่แสดงให้เห็นว่าการใช้ชีวิตเป็นประชาชนคนเกาหลีเหนือนั้นมีความสุขมากแค่ไหน
ด้วยการนี้ในปี 2014 ทางรัฐบาลจึงเลือกให้ "วิทาลี มันสกี" (Vitaly Mansky) ผู้กำกับชาวรัสเซียมาถ่ายทำถึงในบ้านเมือง โดยเรื่องราวจะเน้นไปที่เด็กหญิงรี จินมี วัย 8 ขวบ และครอบครัวในกรุงเปียงยาง
การถ่ายทำภาพยนตร์นี้ มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดทุกย่างก้าว รวมถึงเรื่องการเขียนบทหนัง นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ทำงานอย่างแข็งขันร่าเริงด้วย
แต่กำหนดการถ่ายทำที่วางไว้ 1 ปี กลับต้องสะดุด หลังถ่ายทำได้เพียง 90 วัน เนื่องจากทางการเกาหลีเหนือสั่งยกเลิกโปรเจกต์นี้ และได้เนรเทศผู้กำกับหนังออกจากเปียงยางด้วย
จุดสำคัญของเหตุการณ์ คือทางการเกาหลีเหนือลืมยึดฟุตเตจภาพยนตร์เก็บไว้ และไม่ทันคิดว่าภาพที่ถ่ายทำไปแล้ว รวมถึงภาพที่เจ้าหน้าที่สั่งการให้ทุกคนทำงานอย่างกระตือรือร้น จะถูกผู้กำกับฯ มันสกีตัดต่อออกมาเป็นหนังฉบับตีแผ่ความจริงของเกาหลีเหนือในชื่อ “อันเดอร์ เดอะ ซัน” (Under the Sun)
หลังจากทราบเรื่องนี้ ทางการเกาหลีเหนือมีคำสั่งห้ามเผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวทันที และสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ของรัสเซียให้จัดการแบนภาพยนตร์ พร้อมยึดภาพทั้งหมดคืน ก่อนลงโทษผู้กำกับฯ
แม้จะเป็นต้นเหตุให้เกิดความบาดหมางระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ แต่ในที่สุดหนัง Under the Sun ก็ได้รับการเผยแพร่ในเทศกาลหนังต่างๆ โดยทุกครั้งก็มักจะมีแรงกดดันให้ถอดหนังจากตารางการฉาย ทั้งในเอสโตเนียเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว และในขณะนี้กำลังฉายอยู่ในเทศกาลภาพยนตร์ซิดนีย์ของออสเตรเลีย รวมถึงชาติคู่แค้นอย่างเกาหลีใต้ที่นำไปฉายในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
โดย พัค กึนฮเย ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ กล่าวหลังจากชมจบว่า ต้องช่วยเหลือเด็กๆ ชาวเกาหลีเหนือที่สูญเสียความหวังและความฝันไปกับการเอาชีวิตรอด
ขณะที่ ทางการเปียงยางตอบโต้ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งเผยแพร่ความเห็นของแม่เด็กหญิง รี จินมี ที่กล่าวว่า เธอคิดว่าเป็นหนังแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ ไม่เคยรู้เลยว่าต่อมาลูกสาวจะถูกใช้เป็นตัวเอกของหนังต่อต้านชาติเช่นนี้