น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.2559) มีวาระการประชุมน่าจับตา
ได้แก่ การพิจารณาโทษปรับทางปกครองสูงสุดช่องพีซ ทีวี
ซึ่งภายหลังสำนักงาน กสทช.ตรวจพบการออกอากาศรายการ "เข้าใจตรงกันนะ" เมื่อวันที่ 11 มี.ค.และวันที่ 21 มี.ค.2559, รายการ "เข้มข่าวดึก" เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2559 และรายการ "ห้องข่าวเล่าเรื่อง" วันที่ 28 มี.ค.2559 ที่มีเนื้อหาต้องห้ามไม่ให้ออกอากาศตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 และฉบับที่ 103/2557 และเป็นการขัดต่อเงื่อนไขในการออกอากาศตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับสำนักงาน กสทช.
นอกจากนี้ที่ประชุมจะมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีการออกอากาศรายการ Wake Up News ทางช่องรายการวอยซ์ทีวี เมื่อวันที่
21 เม.ย.2559 ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ภายหลังจากที่สำนักงานได้ขอถอนวาระการประชุมไปในการประชุม กสท.ครั้งที่ 17/59 เมื่อวันที่ 30 พ.ค.25559
น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่มีการเสนอโทษให้เพิกถอนใบอนุญาตช่องพีซ ทีวี เนื่องจากแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติ ซึ่งทางอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการได้วิเคราะห์เองว่าไม่สามารถเอาผิดตามฐานมาตรา 37 ตามปกติของ กสทช.ได้ จึงต้องใช้ฐานอำนาจพิเศษคือประกาศ
คสช. ซึ่งเสียงในอนุกรรมการฯก็ไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 4 โดยเฉพาะความเห็นของนักวิชาการและนักกฎหมายที่มองว่าไม่ได้ผิดมากนัก
โดยเฉพาะถ้าถึงขั้นจะต้องเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนตัวก็เห็นต่างจากมติอนุเนื้อหา แต่เห็นด้วยกับอนุกรรมการเสียงข้างน้อยและคิดว่าตนเองจะเป็นเสียงข้างน้อยใน กสทช.อีกครั้งที่เห็นต่างเรื่องการจะเพิกถอนใบอนุญาติช่องพีซ ทีวี เพราะเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบันฝ่ายอำนาจรัฐก็ควบคุมการแสดงความคิดเห็นของฝ่ายค้านได้ค่อนข้างเบ็ดเสร็จอยู่แล้ว หากจะปิดทีวีดาวเทียมฝ่ายค้านซึ่งขณะนี้ก็ลดโทนลงมากแล้ว จะยิ่งทำให้สถานภาพด้านสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมืองของไทยลดลงอีก จนเป็นที่จับตาของทุกฝ่ายและตอกย้ำบรรยากาศความหวาดกลัว ตึงเครียดในการลงประชามติที่กำลังจะมาถึงนี้ ส่วนตัวจึงเห็นว่าการสั่งปิดสถานีโทรทัศน์โดยฐานกฎหมายพิเศษจะเข้าข่ายการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุได้ เพราะจะกระทบกับรายการอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง รวมถึงพนักงานและลูกจ้างทั้งหมดจะตกงานกะทันหันด้วย
น.ส.สุภิญญา ยังกล่าวถึงกรณีช่องวอยซ์ทีวี ว่า ความเห็นในอนุกรรมการผู้เชี่ยวชาญเสียงก็แตก 7 ต่อ 4 เช่นกัน โดยเสียงข้างน้อยที่เป็นนักวิชาการสื่อและกฎหมายมองว่ายังไม่ขัดมาตรา 37 ซึ่งคงเป็นเพราะยังเป็นสิทธิ์ในการแสดงความเห็นและตรวจสอบ
ตั้งคำถามการใช้อำนาจของภาครัฐตามหน้าที่ของสื่อ จะให้เชียร์อย่างเดียวก็จะฝืนความเป็นจริงมากเกินไป สังคมควรต้องมีการถ่วงดุลบ้าง การลงโทษหนักช่องโทรทัศน์ที่มีจุดยืนต่างจากฝ่ายรัฐจะทำให้ กสทช.ถูกมองว่าขาดความเป็นอิสระในการทำหน้าที่และใช้อำนาจในมิติทางการเมืองมากเกินไป ในขณะที่เรื่องอื่นๆ เช่น การคุ้มครองผู้บริโภคจากการถูกเอาเปรียบกลับยังอ่อนแอมากในการใช้อำนาจกำกับดูแล พร้อมหวังว่า บอร์ด กสท.จะพิจารณาวาระอย่างรอบคอบและมีความเป็นธรรมในการใช้อำนาจ