นายสมเกียรติ อายุ 36 ปี ชายขาพิการ อาชีพส่งขนมปัง ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายโดยใช้มีดแทงจนเสียชีวิตช่วงเช้าวันที่ 1 พ.ค.2559 บริเวณหน้าร้านขนมปังหอม ซอยโชคชัย 4 แยก 69 คดีนี้ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างกว้างขวางเนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นผู้พิการ ขณะที่ผู้ต้องหาบางคนเป็นลูกตำรวจ ซึ่งทางญาติและทนายได้ตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงตำรวจจึงไม่แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนกับกลุ่มผู้ต้องหา
ความคืบหน้าล่าสุดในคดีนี้ อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 8 ก.ค.2559 โดยให้สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร และสั่งฟ้องผู้ต้องหา 4 ใน 7 คน ว่าร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย และขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ
ส่วนกรณีมารดาของผู้เสียชีวิตยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ขอให้แจ้งพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้ง 7 คนเพิ่มเติมในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 คณะทำงานรองอธิบดีอัยการ และอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา พิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ยังไม่เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนผู้เสียหายจะยื่นฟ้องต่อศาลเองก็สามารถทำได้
ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูง กล่าวว่าหากครอบครัวจะยื่นขอเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการก็จะต้องยึดคำฟ้องของพนักงานอัยการเป็นหลัก คือ คำฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 288 ของประมวลกฎหมายอาญา
"การยื่นขอเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการต้องยึดตามคำฟ้องของอัยการ ไม่สามารถเอาข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา 289 มารวมได้ เพราะข้อหาดังกล่าวนั้นยังไม่ผ่านกระบวนการสอบสวน ถ้าไม่ผ่านการสอบสวน พนักงานอัยการก็ไม่สามารถสั่งฟ้องได้ ส่วนการสั่งฟ้องเองเป็นสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 28 อยู่แล้ว ผู้เสียหายสามารถไปฟ้องเองได้" นายประยุทธกลาว
ทั้งนี้ อัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี กำลังร่างคำฟ้องคาดว่าจะแล้วเสร็จและยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดได้ทันภายในวันพุธที่ 13 ก.ค.2559 ซึ่งจะเป็นวันครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย โดยขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมด ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เบื้องต้นเมื่ออัยการคาดว่า หากยื่นฟ้อง ก็จะคัดค้านการให้ประกันตัว ด้วยเหตุผลว่า อาจจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน