โทรทัศน์ทางการจีนรายงานว่า เครื่องบินพลเรือนของจีน 2 ลำได้เดินทางไปและกลับระหว่างเกาะไหหลำกับเกาะที่เป็นแนวปะการัง 2 เกาะในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ทางใต้ของทะเลจีนใต้ ทั้งนี้เกาะปะการังดังกล่าวมีชื่อว่า "มิสชีฟ รีฟ" และ "ซู่บี๋ รีฟ" ทั้งคู่อยู่ภายใต้การควบคุมของจีนและจีนได้สร้างสนามบินขึ้นบนเกาะทั้ง 2 แห่ง
ก่อนหน้านี้ ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (PCA) ในกรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ ตัดสินคดีที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนว่าข้อกล่าวอ้างที่จีนใช้รุกเข้ายึดครองทะเลจีนใต้ปราศจากมูลทางกฏหมาย รวมทั้งการที่จีนสร้างเกาะเทียมขึ้นมาก็ทำให้เกิดการล่วงละเมิดสิทธิ์อธิปไตยของฟิลิปปินส์และก่อความเสียหายอย่างร้ายแรงขึ้นกับสภาพแวดล้อมที่เป็นแนวปะการัง
โดยความเคลื่อนไหวของจีนอย่างเป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นครั้งแรก หลังการตัดสินของศาลพีซีเอ ประการหนึ่งอาจสื่อความหมายได้ว่า จีนต้องการแสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจต่อคำตัดสินของศาลพีซีเอตามที่บรรดาผู้นำจีนได้ประกาศไว้ และความหมายอีกประการนั้นอาจมองได้ว่าจีนได้จำกัดท่าทีลงมาให้มีความประนีประนอม เพราะไม่ใช้เครื่องบินทหาร ซึ่งอาจเป็นการตอบรับท่าทีจากรัฐบาลใหม่ของฟิลิปปินส์ที่ได้แสดงความเป็นมิตรกับจีนมากกว่ารัฐบาลชุดก่อน
กรณีนี้แม้จะเป็นคดีที่มีความเกี่ยวพันกันระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ แต่ก็ไม่สามารถใช้มุมมองทางด้านกฏหมายได้เพียงอย่างเดียว เพราะระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้นมักจะถูกบงการด้วยแสนยานุภาพทางทหารและชาติมหาอำนาจ ขณะที่เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.2559) จีนประกาศว่าจีนมีสิทธิ์จัดตั้งเขตป้องกันภัยทางอากาศขึ้นเหนือทะเลจีนใต้ ซึ่งหากใครต้องการบินผ่านจะต้องแจ้งให้จีนอนุญาตก่อน