เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถบรรทุกพุ่งชนฝูงชน ที่กำลังชมการจุดพลุฉลองวันชาติที่เมือง "นีซ" เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำฝูงชนแตกตื่นวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่าน โดยรถบรรทุกคันดังกล่าว จงใจขับรถพุ่งใส่ฝูงชน บนถนนเดส ซองเกรส์ ซึ่งเป็นถนนเลียบชาดหาดชื่อดังของเมืองนีซ และแล่นฝ่าเข้าไปในฝูงชนด้วยความเร็ว เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 84 คน บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน ในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วยหลายคน
- สำนักข่าวบีบีซี รายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐสภาในพื้นที่ว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 75 คน มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่พบปืนและระเบิดอยู่ในรถบรรทุกคันดังกล่าว
- มีรายงานคนขับรถบรรทุกถูกตำรวจระดมยิงจนเสียชีวิต โดยจากการตรวจค้นเบื้องต้นพบอาวุธปืน และระเบิดจำนวนมากบนรถบรรทุกคันดังกล่าว ขณะที่ทางการให้ประชาชนอาศัยอยู่แต่ในบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย
- โรงพยาบาลหลายแห่งในเมือง "นีซ" ของฝรั่งเศส ประกาศขอรับบริจาคเลือด ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น
- สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า รถบรรทุกคันก่อเหตุแล่นมาด้วยความเร็วสูง เข้าสู่ถนนเดส ซ็องเกรส์ ซึ่งเป็นถนนเลียบชายหาด และพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนที่กำลังเดินกลับจากงานแสดงพลุฉลองวันชาติฝรั่งเศส และรถยังแล่นต่อไปอีกราว 2 กม. ทำให้ผู้ถูกชนล้มลงไปบนถนน
- ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส ประกาศขยายเวลาภาวะฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน จากกำหนดเดิมที่กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ก.ค.นี้ พร้อมสั่งเพิ่มกำลังพลสำรอง เข้ามาช่วยปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัย
- นายโดนัลด์ ทุสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ประกาศผนึกกำลังกับผู้นำชาติเอเชีย ในการเปิดประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม ประณามเหตุก่อการร้ายที่เมืองนีซในระหว่างการฉลองวันชาติฝรั่งเศส
-คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) 15 ชาติ ออกแถลงการณ์ ประณามเหตุก่อการร้ายครั้งนี้ โดยมองว่าเป็นการโจมตีที่ป่าเถื่อนและขี้ขลาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังระบุว่าการก่อการร้ายถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลก โดยยูเอ็นเอสซีขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตในครั้งนี้
- ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกแถลงการณ์ประณามเหตุโจมตีในเมืองนีซ ฝรั่งเศส ระบุสหรัฐฯ พร้อมให้ความช่วยเหลือในการสอบสวนเหตุการณ์
- กระทรวงการต่างประเทศของไทย แจ้งว่าขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงปารีสของฝรั่งเศส กำลังตรวจสอบว่ามีคนไทยได้รับผลกระทบจากการโจมตีในครั้งนี้หรือไม่
- ล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าตำรวจพบเอกสารแสดงตนของผู้ก่อเหตุโดยระบุว่าเป็นชายชาวฝรั่งเศสเชื้อสายตูนิเซีย อายุ 31 ปี ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในแวดวงหน่วยข่าวกรองฝรั่งเศส แต่ตำรวจฝรั่งเศสมีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเคยมีประวัติทำผิดกฎหมายมาก่อน