นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการอภัยโทษผู้ต้องขังตามพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ ฉบับล่าสุด โดยระบุว่าหลักเกณฑ์ครั้งนี้ เน้นความประพฤติและพิจารณาถึงสถานการณ์ของข้อหาเป็นหลัก เช่น โทษฐานละเมิดทางเพศจะไม่ได้รับการอภัยโทษเลย ทั้งนี้ยอมรับว่าหลักเกณฑ์ครั้งใหม่ทำให้การปล่อยตัวทำได้ยากขึ้น โดยพิจารณาเจาะจงลงไปที่ความประพฤติต้องเป็นผู้ต้องโทษชั้นดีขึ้นไปเท่านั้น จึงจะได้รับประโยชน์
นายชาญเชาวน์ กล่าวอีกว่า พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2559 จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ผู้ต้องขังที่รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการปล่อยตัวพ้นเรือนจำทันที กับผู้ต้องขังที่ได้รับการลดวันต้องโทษ ตามบัญชีแนบท้ายความผิด โดยการลดวันต้องโทษ ขึ้นอยู่กับชั้นนักโทษที่ระบุในหลักเกณฑ์อาจจะได้เข้าหลักเกณฑ์การพักโทษด้วย สำหรับการปล่อยตัวจะเป็นลักษณะทยอยปล่อยขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละเรือนจำ ซึ่งต้องตั้งกรรมการร่วมมาพิจารณาคัดกรองรายชื่อเพื่อส่งศาล โดยการปล่อยตัวสามารถดำเนินการได้ทันที หลังมีประกาศตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งกำหนดระยะเวลาภายใน 120 วัน
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรม ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 จำนวน 330 ล้านบาท ดำเนินโครงการก่อสร้างเรือนจำโครงสร้างเบา 17 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผู้ต้องขังใกล้พ้นโทษก่อนที่จะได้รับการอภัยโทษ สามารถกลับสู่สังคมได้และมีงานทำ ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องว่าผู้ที่มีคดีข่มขืน ข่มขืนแล้วฆ่า รุมโทรมหญิง สังคมอยากให้ลงโทษรุนแรง พล.ต.สรรเสริญ กล่าว่า ผู้ต้องขังในกลุ่มโทรมหญิง คดีข่มขืน และคดีข่มขืนแล้วฆ่าจะไม่อยู่ในข่ายได้รับการอภัยโทษ
ด้านผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระบุว่า เรือนจำจะเร่งดำเนินการตรวจสอบรายชื่อ ผู้ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เพื่อให้มีการปล่อยตัวเป็นล็อตแรก เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุจำนวนได้
นอกจากนี้ยังมีความผิดอีกหลายกรณีที่ไม่เข้าข่าย เช่น ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ความผิดว่าด้วยกฎหมายป่าไม้ ความผิดเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฮั้วประมูล แชร์ลูกโซ่ ยักยอกฉ้อโกง เป็นต้น