วันนี้ (12 ส.ค.2559) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ที่ ร.1 รอ. หลังเกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ขึ้นหลายจุด ที่ผ่านมา ในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่ 11 ส.ค.59 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน จนมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ เสียชีวิต 2 คนและได้รับได้รับจำนวนมาก ตามที่เป็นข่าว
จากการประสานความเชื่อมโยงและประเมินสถานการณ์ขั้นต้น ทราบว่า เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ และไม่ต้องการให้เกิดความสงบสุขขึ้นภายในประเทศ โดยมุ่งหวังทำลายภาพลักษณ์และผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเฉพาะผลประโยชน์ของเศรษฐกิจชุมชนระดับพื้นที่และประเทศในภาพรวม รวมทั้งต้องการสร้างความตื่นตระหนกของประชาชนและลดทอนความเชื่อมั่นของรัฐบาล
โฆษก กระทรวงกลาโหม แถลงเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประวิตร มอบหมายให้ คสช. ควบคุมดูสถานการณ์ในภาพรวม พร้อมทั้งกำชับ ให้ทุกหน่วยงานความมั่นคง ติดตามความเชื่อมโยงของสถานการณ์และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท โดยให้คุมเข้มและเพิ่มมาตรการป้องกัน เฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยของประชาชนในทุกพื้นที่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่เกิดเหตุในภาคใต้ ให้เร่งสืบสวนความเชื่อมโยงและจับกุมผู้กระทำผิด พร้อมทั้งกลุ่มที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างถึงที่สุดโดยเร็ว ขณะเดียวกันให้ร่วมกันช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์ของประเทศกลับคืนมาสู่ความปกติสุขร่วมกันเช่นเดิม
สถานการณ์ของประเทศปัจจุบันมีความละเอียดอ่อนต่อการแทรกแซง จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคน อย่าตื่นตระหนกและขอให้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ร่วมกันเป็นหูเป็นตา ช่วยสอดส่องความผิดปกติ แปลกปนมาในพื้นที่ใกล้ตัวและชุมชนอย่างใกล้ชิด หากเห็นความผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่โดยเร็ว พร้อมทั้ง ขอให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน โดยระมัดระวัง ไม่เผยแพร่ภาพผู้ได้รับบาดเจ็บออกไป
ขณะเดียวกัน ขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาล เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกฝ่ายกำลังมุ่งมั่นทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อนำพาความเป็นปกติสุขของสังคมกลับมาเช่นเดิมโดยเร็วที่สุด
พร้อมทั้ง ขอประณาม ผู้กระทำการอันป่าเถื่อนและกลุ่มที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เผาและระเบิดป่วนเมืองที่เกิดขึ้น หยุดการทำร้ายประชาชนและประเทศชาติ ประเทศไทยปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องออกจากหล่มความขัดแย้งที่ยาวนาน และเดินหน้าร่วมกันต่อไปให้ได้