วันนี้ (19 ส.ค.2559) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ว่า แม้เหตุการณ์ระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้จะสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้บริสุทธิ์ แต่จะไม่สั่นคลอนความสามัคคีของคนในชาติและความรักชาติได้ ซึ่งทุกคนสามารถแจ้งเบาะแสได้หากพบสิ่งผิดปกติ หรือให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการป้องกัน ซึ่งสำหรับเหตุระเบิดในครั้งนี้ขอเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ได้ทำงานสืบสวนสอบสวนตามวิถีทางของกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกระบวนการยุติธรรมและทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักฐาน
ขณะเดียวกันได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกตกที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมระบุว่าได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการและทุกๆด้านแก่ผู้เสียหาย ครอบครัวและนักท่องเที่ยว จากเหตุระเบิดและเฮลิคอปเตอร์ตกอย่างเต็มที่ ด้วยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือ อีกทั้งยังให้ศูนย์การบินทหารบกหรือทุกหน่วยบินของทางราชการเพิ่มมาตรการในการเดินทางด้วยอากาศยานให้มีความปลอดภัยมากที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอ้างอิงถึงบทวิเคราะห์ที่เขียนโดยชาวต่างชาติ เกี่ยวกับความล้มเหลวของประเทศ ที่เป็นสาเหตุอันตรายของโลก โดยระบุว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางการเมือง มากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ พร้อมอธิบายว่าความล้มเหลวจากปัจจัยทางการเมือง ได้แก่ กลุ่มอำนาจทางการเมืองที่ไร้ธรรมาภิบาล แสวงประโยชน์จากการใช้อำนาจ ขูดรีดทรัพยากรของประชาชนหรือของชาติ มาเป็นของตนและพวกพ้อง ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม บั่นทอนกำลังใจของประชาชน สร้างความเข้าใจผิดและทำลายแรงจูงใจนักลงทุน เรียกได้ว่าเป็นการเมืองผูกขาด อันเป็นต้นตอของความไร้เสถียรภาพของบ้านเมืองและการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน
ซึ่งหนทางสู่ความสำเร็จของประเทศที่พัฒนาหรือพัฒนาแล้วนั้น คือการสร้างระบบการเมืองที่มีการถ่วงดุล ป้องกันการผูกขาดหรืออำนาจนิยมและส่งเสริมความเข้มแข็งของภาคประชาสังคมด้วยการมีส่วนร่วมทางการเมือง นอกจากนี้ต้องให้ความสำคัญกับนิติรัฐ เน้นความชอบด้วยกฎหมาย ต่อต้านการทุจริต ส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนและสนับสนุนการริเริ่มของทุกภาคส่วน
ขณะที่ชาวโลกให้การยอมรับ "หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยยึดถือทางสายกลางและเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยรัฐบาลได้น้อมนำมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินร่วมกับกลไกประชารัฐ ทำให้สามารถพลิกฟื้นวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมเชื่อมั่นว่าความโปร่งใส มีเสถียรภาพ มีนโยบายและมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของรัฐบาลจะเป็นแรงผลักดันให้มีการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต แต่โดยภาพรวมแล้วเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับฝ่ายความมั่นคง เนื่องจากเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง
ในช่วงสุดท้ายของรายการ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้แอบอ้างชื่อของตนในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจากผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลและ คสช. หรือการบิดเบือนข้อเท็จจริงจากผู้ไม่หวังดี โดยยืนยันว่าในนามของตนเองไม่เคยใช้สื่อออนไลน์หรือช่องทางอื่นใดสื่อสารกับประชาชน แต่จะสื่อสารผ่านช่องทางที่เป็นทางการเท่านั้น ส่วนการนำเสนอข่าวขอให้สื่อมวลชนพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการนำเสนอ ถึงแม้จะเป็นข้อเท็จจริงและสามารถนำเสนอได้ แต่ไม่ใช่เป็นการประโคมข่าวเพื่อธุรกิจ หรือขุดคุ้ยจนสังคมเกิดความสับสนและไม่มีความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันก็เป็นการกดดันเจ้าหน้าที่ด้วย