พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.วันนี้ (30 ส.ค.2559) ว่าผลจากการหารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซียระหว่างเยือนมาเลเซียเมื่อวานนี้ ไทยได้ตกลงที่จะส่งตัวผู้ต้องสงสัยคดีค้ามนุษย์ทั้ง 10 คนให้ทางการมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานของตำรวจและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
พล.อ.ประวิตรระบุว่าการส่งตัวผู้ต้องสงสัยครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนกับการตรวจจับมือระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.2559 แต่ยอมรับว่าทางการมาเลเซียรับเรื่องการจับตาดูผู้ต้องสงสัย หลังจากที่ไทยได้ให้ข้อสังเกตถึงตัวบุคคลและอุปกณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียรายงานโดยอ้างคำพูดของนายอาหมัด ซาฮิด ฮามิดิ รองนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียว่าผู้ต้องหา 10 คนนี้ที่ทางการมาเลเซียต้องการตัวมีอายุระหว่าง 35-60 ปี เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีที่มีการพบหลุมฝังศพจำนวนมากในรัฐเปอร์ลิสของมาเลเซียเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยบอกกับเบอร์นามาว่าในจำนวน 10 คนนี้ บางคนถูกจับกุมแล้ว แต่บางคนยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
พล.อ.ประวิตรยังเปิดเผยด้วยว่า ได้หารือกับฝ่ายมาเลเซียถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ของไทย ซึ่งส่วนหนึ่งคือการแก้ปัญหาเรื่องคน 2 สัญชาติ รวมถึงการดูแลความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยทางฝ่ายมาเลเซียและไทยตกลงจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เรื่องการสร้างรั้วตามชายแดนไทย-มาเลเซียระหว่างการเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในวันที่ 9 ก.ย.2559
พล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเรื่องการปรับ ครม.โดยระบุว่าเป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ในส่วนของกระทรวงกลาโหมไม่มีการเพิ่มรัฐมนตรี พร้อมระบุว่ารัฐมนตรีช่วยทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว และปฏิเสธให้คำตอบว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพที่จะเกษียณราชการจะมาเป็นรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงใดหรือไม่
ส่วนการจัดซื้อเรือดำน้ำ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะจัดซื้อทันในรัฐบาลชุดนี้ แต่ต้องรอผลการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่จะผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อน หากมีงบประมาณพอก็จะซื้อ ถ้าไม่มีก็จะไม่ซื้อ