เจ้าหน้าที่กองโรงงานช่างกลกรุงเทพมหานคร เข้าตรวจสภาพรถดับเพลิงจำนวน 176 คัน ที่โกดังสินค้าของบริษัท เทพยนต์ แอโรโมทีฟ อินดัสตรีส์ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากไม่ได้ใช้งานและบำรุงรักษามาเกือบ 10 ปี หรือตั้งแต่ปี 2549 และยังถูกน้ำท่วมในช่วงปี 2554 ด้วย โดยกรุงเทพมหานครได้ย้ายรถดับเพลิงล็อตนี้ไปจอดไว้ในสถานีดับเพลิงเขตต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากการตรวจสภาพพบว่า เครื่องยนต์และระบบปั๊มน้ำยังใช้งานได้
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่าต้องซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่และอุปกรณ์บางส่วนที่เสื่อมสภาพ ขณะนี้กำลังร่างขอบเขตและรายละเอียดหรือทีโออาร์ ก่อนเปิดประมูลซ่อมและนำมาใช้งาน คาดว่าจะใช้งบประมาณ 180 ล้านบาท พร้อมย้ำว่ากระบวนการหลังจากนี้จะโปร่งใส ไม่ซ้ำรอยเดิม
"มีการจัดกลุ่มลำดับการซ่อมเป็น 8 กลุ่ม ลักษณะการซ่อมป้องกันเป็นอย่างดี ซ่อมเท่าไหร่ก็เบิกเงินเท่านั้น ไม่ได้ประมูลแล้วเบิกเงินไปก่อน" พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
ส่วนรถดับเพลิงอีก 139 คัน ที่จอดอยู่ภายในท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.อัศวิน ยอมรับว่า ยังไม่สามารถนำออกมาได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจาจ่ายค่าจอดรถ ที่บริษัทเอกชนเรียกเก็บถึง 900 ล้านบาท แต่ กทม.จะขอลดลงเหลือ 200 ล้านบาท โดยนับจากวันที่อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ มีคำตัดสิน เมื่อปลายปี 2557
ทั้งนี้หากตกลงค่าที่จอดรถได้ ภายในสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนย้ายรถทั้ง 139 คัน มาซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ พร้อมกับเรือดับเพลิง 30 ลำ ซึ่งจอดอยู่ที่ซีทโบ๊ท พัทยา คาดว่าจะใช้งบประมาณอีกไม่เกิน 200 ล้านบาท และนำกลับมาใช้งานได้ภายในเดือนเมษายน ปี 2560