วานนี้ (4 ก.ย.2559) สำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ เปิดเผยว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิกา เพิ่มอีก 2 คน เป็นหญิงตั้งครรภ์ที่ฝากครรภ์กับแพทย์โรงพยาบาลสันทราย และทราบผลการตรวจปัสสาวะเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคนแรกอายุครรภ์ 6 เดือน มีประวัติผื่นคัน ไม่มีไข้ ญาติ คิดว่าแพ้ขนแมว ส่วนอีกหนึ่งคน เป็นหญิงชาวเมียนมา อายุครรภ์ 8 เดือน ไม่มีอาการผื่น แต่ปวดต้นคอ ทำให้ จ.เชียงใหม่ พบผู้ป่วยติดเชื้อซิกาเพิ่มเป็น 11 คนแล้ว ส่วนมาตรการป้องกัน ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ชาวบ้านโพธิทองเจริญ ใน ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ร่วมกันตรวจสอบภาชนะที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านพัก หลังฝนที่ตกลงมาทำให้มีน้ำขังจำนวนมาก ชาวบ้านโพธิทองเจริญ บอกว่าคนในชุมชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ไม่ทราบถึงอันตรายจากไวรัสซิกา ทำให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ต้องออกให้ความรู้แก่ชาวบ้าน ทั้งอันตรายจากโรคและวิธีการป้องกัน
เฝ้าระวังสถานการณ์ซิกาในอาเซียน
ส่วนสถานการณ์ในสิงคโปร์ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาในประเทศเพิ่มเป็น 242 คนแล้ว แต่พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลดจำนวนลงจากอัตราการติดเชื้อสูงกว่า 30 คนต่อวัน เหลือ 26 คน เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้น ยังมีรายงานว่า นักวิจัยในสิงคโปร์ ได้นำตัวอย่างเชื้อซิกาที่เก็บจากผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์ 2 คนไปตรวจสอบ และเรียงลำดับรหัสสารพันธุกรรมแล้ว พบว่าเชื้อซิกาที่ระบาดในสิงคโปร์ขณะนี้ พัฒนาจากไวรัสที่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่แล้ว ไม่ใช่ไวรัสซิกาสายพันธุ์ที่ระบาดในอเมริกาใต้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะจะลดโอกาสเสี่ยงที่หญิงตั้งครรภ์ผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาจะคลอดทารกที่มีศีรษะเล็กผิดปกติลง
ส่วนที่ประเทศมาเลเซีย มีการยืนยันว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิกาภายในประเทศรายแรก เป็นชายอายุ 61 ปี อาศัยในรัฐซาบาห์ ที่ผ่านมาไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศ โดยชายที่ติดเชื้อรายนี้เสียชีวิตแล้ว เนื่องจากสุขภาพไม่แข็งแรงและมีอาการป่วยหลายโรคอยู่ก่อนหน้า รวมทั้งมีอาการแทรกซ้อนจากโรคหัวใจ ซึ่งผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขมาเลเซีย ยืนยันว่าชายคนดังกล่าวไม่ได้เสียชีวิตจากไวรัสซิกา แต่จะสืบสวนโรคเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนต่อไป ก่อนหน้านี้มาเลเซียประกาศพบผู้ติดเชื้อซิการายแรกของประเทศเป็นหญิงอายุ 58 ปีที่เดินทางกลับจากการเยี่ยมบุตรสาวที่สิงคโปร์ ทำให้เชื่อว่าเป็นการติดเชื้อมาจากประเทศสิงคโปร์