วันนี้ (26 ก.ย. 2559) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบประสิทธิภาพเรือดับเพลิง 30 ลำ ในคดีทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท ที่อู่ต่อเรือ บริษัท ซีท โบ๊ต จำกัด ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ร่วมกับ นายชุมพล ชาวเกาะ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่า ระบบตัวเรือ ระบบขับเคลื่อน และระบบดับเพลิงสามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่เนื่องจากเรือจอดทิ้งไว้นานเกือบ 10 ปี ส่งผลให้ชิ้นส่วนที่เป็นยางทั้งเครื่องยนต์และอุปกรณ์ดับเพลิงเสื่อมสภาพ จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ทั้งหมด
“เรือทั้งหมดสามารถแล่นและดับเพลิงได้ เนื่องจากมีระบบการจัดเก็บรักษาอย่างดี โดย กทม.ประเมินค่าซ่อมแซมเรือทั้ง 30 ลำ ไม่เกิน 24 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยต่อลำประมาณ 8 แสนบาท หากเทียบกับราคาเรือปัจจุบันอยู่ที่ลำละ 30 ล้านบาท” รองปลัด กทม.ระบุ
นายจักกพันธุ์ กล่าวต่ออีกว่า กทม.จะให้ผู้รับเหมาซ่อมแซมเรือทั้งหมดภายในเดือน ธ.ค. 2559 ซึ่งคาดว่าใช้เวลา 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ และนำเรือมาใช้งานได้ในเดือน มี.ค. 2560
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือดับเพลิงในคดีทุจริตจำนวน 30 ลำ จัดซื้อเมื่อปี 2547 ระหว่างกรุงเทพมหานคร และบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ ประเทศออสเตรีย ซึ่งทั้งหมดเป็นเรือที่ต่อภายในประเทศ มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท