ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ "เดอะ เดลี เทเลกราฟ" ของอังกฤษรายงานข่าวเปิดโปงอัลลาร์ไดซ์ ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ วัย 61 ปี ว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับสินบนและกล่าวถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมอีกหลายอย่างระหว่างการสนทนากับผู้สื่อข่าวที่ปลอมตัวเป็นนักธุรกิจที่มาเจรจากับอัลลาร์ไดซ์เรื่องการหากำไรจากธุรกิจซื้อ-ขายนักเตะ
เดอะ เทเลกราฟรายงานว่าระหว่างการสนทนากับนักธุรกิจ (ตัวปลอม) อัลลาร์ไดซ์เรียกรับเงิน 400,000 ปอนด์ เพื่อแลกกับการหลบเลี่ยงกฎของสมาคมฟุตบอลอังกฤษว่าด้วยการโยกย้ายนักเตะ นอกจากนี้อัลลาร์ไดซ์ยังได้กล่าวถ้อยคำไม่เหมาะสมอีกหลายอย่าง
ความประพฤติฉาวนี้ ทำให้เขาถึงกับต้องลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษหลังจากเข้ามารับตำแหน่งได้เพียง 2 เดือนกว่าๆ และเพิ่งจะคุมทีมลงแข่งได้แค่ 1 นัดเท่านั้น โดย "แกเร็ธ เซาธ์เกต" โค้ชทีมชาติชุดยู-21 จะได้ขึ้นมาทำหน้าที่ชั่วคราว ระหว่างที่เอฟเอเฟ้นหาผู้จัดการทีมชาติคนต่อไป
ข่าวฉาวของอัลลาร์ไดซ์และการลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมของเขาเป็นข่าวใหญ่ในอังกฤษ ขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ขณะที่บุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลต่างแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งได้แสดงความเห็นใจอัลลาร์ไดซ์ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) อัลลาร์ไดซ์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าวจำนวนมากที่ไปดักรอหน้าบ้านพักในเมืองโบลตัน โดยเขาบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เขาไม่ขอโทษใครนอกจากตัวเอง
"ยอมรับว่าผมพลาดไปจนตกหลุมพรางที่วางไว้ มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและผมต้องยอมรับผลที่ตามมา" อัลลาร์ไดซ์กล่าว
"เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันงี่เง่า แต่อย่างน้อยผมก็ได้ช่วยคนบางคนที่ผมรู้จักมา 30 ปี" อัลลาร์ไดซ์พูดเป็นปริศนา นอกจากนี้เขายังได้ขอโทษทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของเขาเอง
อัลลาร์ไดซ์เปิดเผยว่าเขามีข้อตกลงบางอย่างกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะอำลาวงการฟุตบอลไปอย่างถาวรหรือไม่ อัลลาร์ไดซ์ตอบสวนทันควันว่า "ใครจะรู้ คอยดูกันต่อไปก็แล้วกัน"
อัลลาร์ไดซ์ หรือ "บิ๊กแซม" ถือเป็นผู้จัดการทีมมากประสบการณ์คนหนึ่งในวงการฟุตบอลอังกฤษ เคยคุมทีมในพรีเมียร์ ลีก มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น โบลตัน วันเดอเรอร์ หรือ เวสต์แฮม และได้ขึ้นไปเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ แทนที่ ของ รอย ฮ็อตสัน หลังจากจบยูโร 2016