วันนี้ (30 ก.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาที่อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ จากข้อกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 16 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านเรือนไทยที่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ตกเป็นของแผ่นดิน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และกรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา น้อมรับคำพิพากษา พร้อมเปิดเผยว่า ทำใจได้แล้ว สำหรับคำกล่าวโทษและคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
ส่วนผลแห่งคดีจะสืบเนื่องให้มีผลบังคับตามร่างรัฐธรรมนูญและร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ กรณีการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตนั้น นายสมศักดิ์ ตอบรับที่จะเป็นไปตามกฎหมาย แต่ยืนยันว่าโดยส่วนตัวนั้น แม้จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ได้ ก็ยังคงช่วยงานการเมืองในพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมเชื่อมั่นว่าพรรคยังคงมีบุคลากรที่จะขับเคลื่อนต่อไปได้ หลังถูกถามถึงภาวะของที่ต้องสูญเสียบุคลากรคนสำคัญ โดยนายสมศักดิ์ ระบุว่า "กรุงศรีอยุธยา ยังไม่สิ้นคนดี"
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 ว่านายสมศักดิ์ ร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ไม่แสดงทรัพย์สินที่เป็นบ้านเรือนไทย ในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2551 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ด้วยสถานะเป็นกรรมการบริหารพรรค จากคำสั่งยุบพรรคชาติไทย คดีทุจริตเลือกตั้งปี 2550
ทั้งนี้ ตามสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ มาตรา 98 (9) ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เพราะเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ด้วยคดีร่ำรวยผิดปกติ และในมาตรานี้ยังสืบเนื่องถึงมาตรา 108 ว่าด้วยลักษระต้องห้ามเป็น ส.ว. ซึ่งหมายถึงการตัดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ส่วนข้อห้ามสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น มาตรา 160 กำหนดลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ไว้ด้วย