วันนี้ (4 ต.ค. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี สื่อสังคมออนไลน์รแชร์ข้อความเตือนภัยรถเร่ นำถังและกะละมังพลาสติกไปแลกโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่ชำรุด โดยอ้างว่าเป็นการนำไปใช้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวบ้านประมาณ 3,000 คน ใน จ.มหาสารคาม ที่ประกอบอาชีพรับแลกและซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อนำไปขายต่อเดือดร้อน เพราะไม่มีชาวบ้านนำโทรศัพท์มาแลก
กว่า 7 ปี ที่ศักดิ์ดา พันธุบาล ชาวบ้าน ต.หนองซอน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ยึดอาชีพขับรถเร่ เพื่อรับซื้อและแลกของเก่าตามต่างจังหวัดโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
ทำให้ในแต่ละวัน ศักดิ์ดา มีรายได้วันละราว 1,000 บาท เช่นเดียวกับชาวบ้านใน จ.มหาสารคามประมาณ 3,000 คน ที่ประกอบอาชีพนี้
โดยโทรศัพท์รุ่นเก่าที่รับแลกได้วันละกว่า 4,000 เครื่อง กลุ่มผู้ค้าเร่จะนำไปขายต่อให้กับร้านทองแห่งหนึ่งใน องเชียงยืน ในราคาเครื่องละ 22 บาท ก่อนที่ทางร้านจะนำไปถอดแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ออก เพื่อส่งขายให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ ที่มารับซื้อถึงที่ ในราคากิโลกรัมละ 1,100 บาท
การเผยแพร่ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่ระบุไว้ในข้างต้น จึงส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ค้าเร่รับซื้อและแลกโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าใน จ.มหาสารคาม จากการขาดรายได้ ทำให้ชาวบ้านเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกลุ่มชาวบ้านยืนยันว่า โทรศัพท์มือถือเก่านั้นถูกส่งไปถอดแผงวงจร เพื่อนำแผงวงจรเข้าสู่กระบวนการแยกแร่ทองคำก่อนส่งออกไปยังประเทศจีน
ด้าน พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การออกรถเร่รับแลกโทรศัพท์ของชาวบ้านไม่ผิดกฎหมาย แต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ตำรวจเข้าตรวจสอบเชิงลึก กรณีผู้ประกอบการรายใหญ่ที่รับซื้อโทรศัพท์มือถือเก่าว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่