เสียงสวดมนต์ ดังก้องวัดชานกังคาลาคัง วัดเก่าแก่ในเมืองทิมพู ประเทศภูฏาน ชาวภูฏาน นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานเอกชน รวมกว่าร้อยคน ตั้งใจท่องบทสวดบำเพ็ญพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าของผู้สวดมนต์ คือพระบรมฉายาลักษณ์
บทสวดมนต์ที่นำมา คนภูฏานเชื่อกันว่าเป็นการส่งผู้ที่จากไปให้ไปสู่สรวงสวรรค์
คนไทยกลุ่มนี้ เป็นอาสาสมัคร จากโครงการอาสาสมัครเพื่อนไทยของกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ เดินทางมาให้ความรู้ด้านต่างๆ กับชาวภูฏาน เช่น การนวด สอนภาษาไทย การจัดพิธีสวดที่ภูฏาน ทำให้พวกเขามีโอกาสได้ร่วมสวดบำเพ็ญพระราชกุศล แม้อยู่ไกลบ้าน แต่ละคนเลือกไปวัดที่ใกล้ที่พักได้ เพราะจัดหลายวัดทั่วประเทศ ที่สำคัญชาวภูฎานทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นในช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย
วาสินี หมั่นทำ อาสาสมัครไทยในประเทศภูฏาน เล่าว่า พอชาวภูฏานทราบว่าเราเป็นคนไทย เขาแสดงความเสียใจทันที "ขอแสดงความเสียใจด้วยที่เราได้สูญเสียองค์พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของเรา" เพราะชาวภูฏานก็รู้สึกนับถือองค์พระมหากษัตริย์ของไทยด้วย พวกเขาทราบดีพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญที่สร้างประโยชนืให้แก่ประเทศไทยหลายอย่าง และประเทศไทยและภูฏานก็มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
ทุกๆวันจะมีการจุดเทียนบัทเทอร์แลมป์ การทำเชิงเทียนในลักษณะนี้ขั้นตอนค่อนข้างยาก ในแต่ละวัน แต่ละวัดจะจุดเทียนเช่นนี้ ไม่น้อยกว่า 1 พันเล่ม เจ้าหน้าที่ของวัดชานกังคาลาคัง เล่าให้ฟังว่า ในช่วงพิธี 7 วัน เขาตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อมาทำเตรียมเทียนบัทเทอร์แลมป์ ตั้งแต่การทำความสะอาดเชิงเทียน การหล่อเทียนจนเต็มและต้องทำจำนวนมากกว่า 1 พันเล่มต่อวัน
การจุดเทียนมีความหมายตามความเชื่อของคนภูฏานว่า...จะเป็นแสงนำทางไปสู่สวรรค์
การจัดสวดบำเพ็ญพระราชกุศลที่ประเทศภูฏาน เป็นรับสั่งของสมเด็จพระราชธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ให้วัดและสถานที่สำคัญทั่วประเทศ รวม 20 จังหวัด จัดพิธีนี้เพื่อให้ชาวภูฏาน ร่วมแสดงความอาลัย สะท้อนให้เห็นว่าการสวรรคตขอพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นำมาซึ่งความเสียใจของปวงชนชาวภูฏานด้วยเช่นกัน
วรลักษณ์ อิศรางกูร ไทยพีบีเอส รายงานจากราชอาณาจักรภูฏฏาน