วันนี้ (11 พ.ย.2559) นายสิงหเดช ชูอำนาจ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานได้รับแจ้งจากสำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) ว่าได้รับการร้องทุกข์จากแรงงานไทยจำนวน 6 คนว่าถูกหลอกลวงไปทำงานที่ประเทศลิเบียโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายและได้ขอความช่วยเหลือเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยได้รับการชักชวน แนะนำจากนายหน้าให้เดินทางไปในลักษณะของนักท่องเที่ยว โดยไม่ต้องไปแจ้งที่ด่านตรวจคนหางาน และสัญญาว่าจะได้งานทำทุกคน โดยจ่ายเงินให้กับนายหน้าคนละ 80,000 บาท หากได้ทำงานแล้วภายใน 1 เดือน คนงานจะได้รับเงินคืนคนละ 30,000 บาท และจัดทำบันทึกข้อความให้สัญญาไว้ แต่จนขณะนี้ยังไม่ได้ทำงานและยังไม่ได้เงินคืนแต่อย่างใด ทั้งยังถูกกักบริเวณอยู่ในห้องคับแคบ ไม่มีงาน ไม่มีค่าจ้าง ขาดแคลนอาหาร ต้องรอจนกว่าจะมีผู้มาว่าจ้างจึงจะได้งานทำ โดยมีคนไทยคอยกำกับดูแล ควบคุมไม่ให้เดินทางออกจากที่พัก ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถกลับได้
นายสิงหเดชฯ กล่าวว่า กรมการจัดหางานได้รับการรายงานเพิ่มเติมว่าจะมีคนหางานจาก จ.ขอนแก่น นครพนม และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางไปทำงานในลักษณะดังกล่าวอีกจำนวน 20 คน และคาดว่าจะมีคนหางานอีกเป็นจำนวนมากที่หลงเชื่อการหลอกลวงดังกล่าว ประกอบกับขณะนี้ในประเทศลิเบียยังมีเหตุการณ์ไม่สงบ มีสงครามกลางเมือง มีการก่อการจลาจล มีเหตุรุนแรงเกือบทั่วประเทศ ไม่มีความปลอดภัย กระทรวงแรงงานได้ประกาศห้ามแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในประเทศลิเบีย ดังนั้น กรมการจัดหางานจึงขอแจ้งเตือนคนหางานว่าอย่าได้หลงเชื่อผู้แอบอ้างว่าสามารถส่งไปทำงานที่ประเทศลิเบียได้ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2537 มาตรา 91 ตรี “ผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 60,000 บาทถึง 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” ซึ่งจะได้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป อย่างไรก็ตาม หากพบการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแส หรือร้องทุกข์ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694