ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้( 24พ.ย.2559) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการหารือแบบปิดเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ของเมียนมา ตามคำร้องขอของสหรัฐอเมริกา โดยการประชุม มีขึ้นที่มหานครนิวยอร์ก
นางซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น แสดงความกังวลว่า การปฏิรูปของรัฐบาลเมียนมา ดูเหมือนว่าจะอยู่ในจุดที่อันตราย เช่นเดียวกับผู้แทนของอังกฤษ และมาเลเซียที่เกรงว่า ความรุนแรงที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง จะทำให้เกิดวิกฤตการณ์ผู้อพยพรอบใหม่
นางนิโคล ทอมป์สัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา แสดงความกังวลต่อรายงานที่ระบุว่ามีความรุนแรง และการขับไล่ประชาชนในรัฐยะไข่ สหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาสอบสวนเรื่องนี้อย่างน่าเชื่อถือและเป็นอิสระ และอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปในรัฐยะไข่ได้
ด้านนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา แสดงความไม่พอใจต่อข้อกล่าวหาดังกล่าวของนานาชาติ โดยนางซูจีได้กล่าวในระหว่างการประชุมร่วมกับผู้แทนจากยูเอ็นสหรัฐ อเมริกา อังกฤษ สหภาพยุโรปและเดนมาร์ก ที่กรุงเนปิดอร์ว่า นานาชาติมองความขัดแย้งเพียงด้านเดียว โดยปราศจากข้อมูลที่แท้จริง
ด้านนายซอ เต โฆษกของประธานาธิบดีเมียนมา ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่านานาชาติเข้าใจเมียนมาผิด เพราะข้อมูลอันเป็นเท็จจากล็อบบี้ยีสต์ ของชาวโรฮิงญาที่สร้างข่าวเท็จขึ้นมา และไม่มีใครในโลกที่จะยอมรับการโจมตีกองกำลังรักษความปลอดภัย การสังหารเจ้าหน้าที่และการปล้นอาวุธได้
สถานการณ์ในรัฐยะไข่ ปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อเดือนตุลาคม หลังเกิดเหตุโจมตีสถานีตำรวจของเมียนมา 3 แห่ง ใกล้กับชายแดนบังกลาเทศ ทำให้ตำรวจเมียนมาเสียชีวิต 9 นาย
ทางการเมียนมา ระบุว่า เป็นฝีมือของชาวโรฮิงญา และส่งกองทัพเข้าไปปราบปรามในรัฐยะไข่ ในขณะที่ชาวโรฮิงญาให้ข้อมูลว่า ทหารเมียนมา ไม่เพียงแต่เผาบ้านเรือนและสังหารชาวโรฮิงญาเท่านั้น แต่ยังล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิงโรฮิงญาด้วย