ความคืบหน้าคดีนายเจนภพ วีรพร ผู้ก่อเหตุขับรถเบนซ์ชนรถฟอร์ด จนทำให้เปลวไฟลุกไหม้รถฟอร์ด เป็นเหตุให้นายกฤษณะ ถาวร และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย เสียชีวิตพร้อมกันในซากรถ โดยเหตุเกิดในเดือนมีนาคม 2559 บนถนนพหลโยธิน ขาออก ใกล้ทางต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องนายเจนภพ วีรพร ผู้ก่อเหตุ ต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและศาลได้นัดตรวจพยานเอกสารพิจารณาคดี
ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นัดประชุมคดีตรวจพยานเอกสารและกำหนดวันนัดสืบพยานในคดีอาญา คดีหมายเลขดำที่ 1528/2559 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทย์ กับนายเจนภพ วีรพร จำเลย ซึ่งอัยการได้ยืนฟ้องผู้ก่อเหตุขับรถเบนซ์ด้วยความเร็วชนรถฟอร์ด เป็นเหตุให้นักศึกษาปริญาโททั้ง 2 คนเสียชีวิต พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องร่วม 7 ข้อหา ดังนี้
1. ขับรถโดยประมาทอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
2. ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่ากฎหมายที่กำหนด
3. ขับรถในขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
4. เป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
5. ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ
6. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
7. เป็นผู้ขับฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานสอบสวนที่สั่งให้มีการทดสอบ และตรวจสอบผู้ขับรถตามกฎหมาย โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร
นางกมลรัตน์ ฮ้อแสงชัย มารดาของ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หนึ่งในผู้เสียชีวิต ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แยกเป็น ค่าปลงศพจำนวน 1,665,720 บาท, ค่าเสียหายที่มีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำงานเป็นคุณแก่บุคคลภายนอก จำนวน 82 ล้านบาท และค่าอุปการะเลี้ยงดู 16,969,783 บาท รวมเป็นเงินกว่า 100,600,000 บาท
หากศาลพิพากษาและได้เงินมา มารดาของ น.ส.ธันฐภัทร์ จะนำเงินส่วนใหญ่ไปตั้งมูลนิธิสืบสานเจตนารมณ์ที่ น.ส.ธันฐภัทร มีมาแต่เด็ก ในการที่จะทะลุบำรุงศาสนาพุทธและจะตั้งมูลนิธิเพื่อรณรงค์การขับรถอย่างมีสติต่อไป