รถเมล์เอ็นจีวีที่นำเข้า 99 คันล็อตแรก ถึงไทยตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.แต่ขณะนี้กลับต้องจอดแช่ไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง หลังพบพิรุธเกี่ยวกับการนำเข้าและจ่ายภาษีอากร บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ผู้ชนะประมูลโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ยืนยันบริษัทดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถเมล์เอ็นจีวีของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ในฐานะผู้ชนะประมูลโครงการ ที่กำลังทยอยเดินทางเข้ามา รวมกับ 2 ล็อตแรกทั้งหมด อาจต้องถูกตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าแท้จริง และอายัดห้ามนำออกจากท่าเรือแหลมฉบังอย่างไม่มีกำหนดชัดเจน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายเค่อ นัว หลิน ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ยืนยันว่า เอกสารรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าจากมาเลเซียเป็นของจริง เพราะเคยใช้แบบเดียวกันนี้นำเข้ารถรุ่นเดียวกันนี้มาแล้ว รวมถึงขั้นตอนต่างๆ ทำอย่างถูกต้อง จึงไม่วางหลักประกันการเงินกับกรมศุลกากร เพราะลงทุนกับโครงการนี้ไปมาก และยังไม่ได้รับเงินจัดซื้อรถจากกระทรวงการคลัง หากบริษัท ซูเปอร์ซาร่า ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการนำเข้ามีความผิดก็ให้รัฐไปหักเงินจากเงินจัดซื้อที่ต้องจ่ายให้บริษัท 3,000 ล้านบาทแทน
สำหรับบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนเมื่อปี2546 ใช้ชื่อเดฟฟารีเทคโนโลยีแอนด์ดีเวลลอปเม้นท์ไทยแลนด์ จำกัด ปี 2549จดทะเบียนชื่อใหม่ ใช้ชื่อบริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด มีทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นเป็นคนไทย 51 % อีก 49% เป็นคนจีน มีนายเค่อนั่ว หลิน หรือ ปัจจุบัน คือนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ถือหุ้นร้อยละ 33 บริษัทนี้เข้ามาในไทยเมื่อปี 2546 เป็นปีที่ไทยมีแนวคิดจัดซื้อจัดจ้างรถเมล์เอ็นจีวี ทำธุรกิจหลักคือนำเข้ารถ
โดยสารจากจีน ยี่ห้อ โกลเด้น ดราก้อน และ ซันลอง เมื่อตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 2549 กลุ่มลูกค้าคือหน่วยงานองค์กรต่างๆ เช่น บขส. ,นครชัยแอร์,รถโดยสารให้บริการในสนามบิน บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป เคยถูกกรมศุลกากร และกรมสรรพากร ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องข้อหาสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์โดยสาร เมื่อเดือน ต.ค.2549 กรณีนำเข้ารถยนต์โดยสารยี่ห้อGoldenDragon รุ่นต่างๆ และอุปกรณ์จากประเทศจีนหลายครั้งจำนวนมากกว่า 200 คัน
คดีนี้ศาลพิพากษาให้บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ชำระค่าภาษีอากร พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมกว่า 230ล้านบาท และบริษํท เบสท์ริน กรุ๊ปเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการจัดซื้อรถ NGV 489 คัน วงเงิน 3,389ล้านบาทเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 632 ล้านบาท