ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (13 ธ.ค.2559) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันถึงการตัดสินใจปรับ "ครม.ประยุทธ์ 4" โดยระบุ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหารัฐมนตรี พร้อมให้คำมั่นว่า หลังการปรับ ครม.จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำด้วยว่า ขอให้ทุกฝ่ายอย่ามองเพียงแค่ตัวบุคคล เพราะขณะนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ ภายใต้รัฐบาล คสช. ไม่ว่าใครจะมาทำหน้าที่ก็จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้น และขอให้ดูว่าเมื่อปรับไปแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงและเกิดผลผลสัมฤทธิ์ขึ้นบ้าง ให้ลองเทียบว่ารัฐบาลชุดก่อนๆ ทำมาหรือไม่ หากทำก็ดี แต่ถ้าไม่ทำก็ถือเป็นแนวทางที่ คสช.มาวางแนวทาง
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ว่าให้อยู่ภายใต้กระบวนการยุติธรรมและต้องไม่เกิดความขัดแย้ง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าพระธัมมชโยละเมิดและทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกดำเนินการ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่และผู้ให้การสนับสนุนต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ
คสช.ล้ม 3 องค์กรไม่ต่ออายุทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ส่วนผลการประชุม คสช. ที่มีการออกประกาศคำสั่ง 3 ฉบับ เพื่อปรับปรุงและแก้ไขการทำงาน โดยคำสั่งแรกคือการไม่ต่อวาระการทำงานให้ 3 องค์กร เนื่องจากครบวาระแล้ว ประกอบไปด้วยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการปฏิรูปกฏหมาย และสภาพัฒนาการเมือง โดยให้บุคลากรไปทำงานยังต้นสังกัด หรือองค์กรที่ยังคงขาดบุคลากร
ส่วนเรื่องที่ 2 คสช.เห็นชอบให้มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา หรือ สมศ. และเรื่องสุดท้าย คือการแก้ปัญหาผลกระทบการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ กรณีการต่ออายุสัญญาสัมปทานให้บริษัท อัครา รีซอร์สเซส โดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช.อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ระงับการสำรวจและทำเหมืองทองคำ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560
ม.44 ปิดเหมืองทองคำ-สั่งฟื้นฟูผลกระทบ
สำหรับ คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 72 ระบุถึงเหตุผลของการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการระงับการสำรวจและทำเหมืองทองคำว่า เป็นไปเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งมีผู้ร้องเรียนและคัดค้านการประกอบกิจการโดยคำสั่งนี้มีผลทำให้ฝ่ายเกี่ยวข้อง ต้องระงับ การออกอาชญาบัตร ประทานบัตร และใบอนุญาตประกอบโลหะกรรมรวมถึงระงับการสำรวจ และทำเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงต่ออายุประทานบัตร และใบอนุญาตจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ส่วนผู้ที่ได้รับประทานบัตรและใบอนุญาตต่างๆ ตามกฏหมายระงับการประกอบกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แต่ผู้ประกอบการยังต้องมีหน้าที่ฟื้นฟูและตามมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมและ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับดูแลให้เป็นไปตามแผนฟื้นฟู
นอกจากนี้ คำสั่งฉบับนี้ยังกำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลสุขภาพของประชาชน และกระทรวงแรงงานดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการระงับการประกอบกิจการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ วิเคราะห์ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงและปัญหา พร้อมเสนอมาตรการแก้ไข และรายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ