ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) เปิดเผยว่า แต่ละวันดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกในตำแหน่งต่างกันไป ซึ่งในวันที่ 22 ธ.ค.2559 ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงกลางวันจะสั้นและช่วงกลางคืนจะยาวนานที่สุดในรอบปี ภาษาสันสกฤตเรียกว่า "วันเหมายัน" (เห-มา-ยัน) หรือ Winter Solstice ดวงอาทิตย์จะขึ้น เวลาประมาณ 06:37 น. และจะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 17:56 น. รวมระยะเวลากลางวันเพียง 11 ชั่วโมง 19 นาทีเท่านั้น เราจึงรู้สึกว่าท้องฟ้าจะมืดเร็วกว่าช่วงเวลาอื่นๆของปี ประเทศทางซีกโลกเหนือนับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
รองผู้อำนวยการ สดร.กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นรูปวงรี ทำให้โลกมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากันตลอดปี ช่วงที่ใกล้ที่สุดประมาณต้นเดือนมกราคม (147 ล้านกิโลเมตร) ช่วงที่ไกลที่สุดประมาณต้นเดือนกรกฎาคม (152 ล้านกิโลเมตร) ซึ่งการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ที่มีระยะใกล้บ้างไกลบ้างนั้น เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของใกล้-ไกล ถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมาก จึงมีผลต่อการเกิดฤดูกาลน้อยมาก แต่การที่แกนของโลกเอียง 23.5 องศา เมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้พื้นที่ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้รับแสงอาทิตย์ทั้งในแง่ความเข้มแสงและระยะเวลาไม่เท่ากัน จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใน 1 ปีเกิดฤดูกาลต่างๆ