การรวมตัวของคณะศิษยานุศิษย์ที่นั่งสวดมนต์กลางแจ้งหน้ามหาวิหารพระมงคลเทพมุนี ภายในวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2559 เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำหมายค้นไปที่วัดพระธรรมกายเพื่อขอตรวจค้นภายในวัด
เจ้าหน้าที่เจรจากับตัวแทนลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเพื่อขอให้เปิดให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจค้นอยู่นานเกือบ 1 ชั่วโมง จนกระทั่งพระลูกวัดออกมาเจรจาและยินยอมนำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปในวัด แต่การเข้าตรวจค้นต้องจบลงเพียงแค่หน้าทางเข้าหอฉัน บริเวณประตู 6 ของวัด เนื่องจากมีกลุ่มพระและลูกศิษย์ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ผ่าน
เป้าหมายการตรวจค้นตามหมายศาลของดีเอสไอในขณะนั้น คือการเข้าไปในพื้นที่ 196 ไร่ฝั่งหอฉันซึ่งเป็นที่พักรักษาอาการอาพาธของพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย แต่ปฏิบัติการก็จบลงเพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับมวลชน และกังวลถึงเหตุรุนแรง
ผ่านมาอีก 5 เดือน ดีเอสไอนำหลักฐานเสนอขออนุมัติหมายค้นวัดพระธรรมกายอีกรอบ ขอหมายค้นติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 -16 ธ.ค.2559 โดยขอกำลังเสริมจากทั้งตำรวจ ทหารและหน่วยงานปกครอง
ท่ามกลางการเตรียมรับมือของทางวัดพระธรรมกาย ที่บรรดาศิษยานุศิษย์ก็ทยอยเข้ามาในวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทำได้เพียงใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนขึ้นบินสำรวจ
อีกวิธีการหนึ่งที่ดีเอสไอใช้ คือ ให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ขอความร่วมมือจากคณะผู้ปกครองสงฆ์เป็นคนกลางเจรจา แต่พระธัมมชโยก็ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ท่ามกลางกระแสข่าวและข้อสงสัยว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกายหรือไม่ ซึ่งแม้แต่พระลูกวัดก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ บอกเพียงว่า ไม่ได้เข้านมัสการพระธัมมชโยมานานกว่า 6 เดือนแล้ว
พระมหานพพร ปุญญฺชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย บอกว่าไม่ได้พบพระธัมมชโยมาหลายเดือน เช่นเดียวกับทุกคนในวัด
"ทั้งสื่อและเจ้าหน้าที่ถามว่าหลวงพ่อยังอยู่มั้ย คนในวัดก็ถามว่าเมื่อไหร่หลวงพ่อจะกลับมาเทศน์" พระมหานพพรกล่าว
ควบคู่ไปกับการดำเนินคดีของดีเอสไอ ตำรวจซึ่งตรวจสอบคดีการบุกรุกพื้นที่ป่าของวัดพระธรรมกาย ก็เร่งสอบสวนขยายผลในคดีอื่นๆ เพิ่ม นำทีมโดย พล.ต.อ.เอกศรีวราห์ รังสิพราหมณุกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งพบว่า วัดพระธรรมกายมีความผิดอีกหลายคดี ทั้งปลูกสร้างอาคารไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีมากกว่า 70 อาคารในพื้นที่ 2,000 ไร่ รวมถึงมหาเจดีย์ในวัดพระธรรมกาย รวมทั้งสิ้นขณะนี้ถูกแจ้งความเอาผิด 158 คดี ทั้งยังมีคดีส่วนบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายรวมอีกหลายคดี
ส่วนความคืบหน้าการเยียวยาเจ้าหนี้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด มีการจ่ายหนี้เป็นงวดที่ 2 แล้ว เป็นเงินประมาณ 600 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2559 ซึ่งในงวดที่ 1 และ 2 นี้ ยังเป็นเงินที่ได้จากการติดตามคืนมาจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด และอีกส่วนคือ จากกองทุนคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ในขณะที่เงินช่วยเหลือจากรัฐ 10,000 ล้านบาท ยังไม่มีความชัดเจน
ต้นเหตุของปัญหาที่กระทบต่อเศรษฐกิจและวงการสหกรณ์ระดับชาติครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการยักยอกเงินของนายศุภชัย และพระธัมมชโยก็เป็นผู้ต้องหาร่วมคนสำคัญที่ทั้งดีเอสไอและตำรวจต้องการตัวมากที่สุด
แต่ด้วยท่าทีที่ไม่ชัดเจนของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการเข้าตรวจค้นภายในวัด เพื่อควบคุมตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดี แม้จะมีการตั้งกรอบเวลาไว้หลายครั้งแล้วก็ตาม ทำให้ความกดดัน ตกมาอยู่กับเจ้าหน้าที่เสียเอง