นายศรีสุวรรณกล่าววา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการุทจริต ปี 2542 มาตรา 33 (2) กำหนดให้ข้าราชการระดับสูงที่เกษียณอายุราชการ ต้องยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน 30 วัน แต่นายศรีสุวรรณเชื่อว่าหลังจาก พล.อ.ปรีชาเกษียณอายุราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2559 โดยยังไม่ยื่นแสดงทรัพย์สิน จึงน่าจะเข้าข่ายปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และอาจเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ
"พล.อ.ปรีชาเกษียณอายุตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.2559 ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินภายในเดือนตุลาคม เราสงสัยว่าในบัญชีทรัพย์สินมีบ้านหรือคฤหาสน์ที่ จ.พิษณุโลกหรือไม่ หากไม่ได้ยื่น ก็ถือว่าเข้าข่ายความผิดว่าจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินของตนเองต่อป.ป.ช." นายศรีสุวรรณกล่าว
บ้านหลังใหญ่ที่ถูกอ้างอิงในคำร้องนั้นเป็นบ้านพักของ พล.อ.ปรีชาและครอบครัว อยู่ด้านหลังวัดอรัญญิก ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก ซึ่ง พล.อ.ปรีชาเคยเปิดเผยว่าได้ย้ายเข้ามาอยู่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2559 บ้านหลังนี้มีเนื้อที่ 1.5 ไร่ หรือ 600 ตารางวา สร้างบนที่ดินส่วนตัวที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2554 โดยพื้นที่ใกล้เคียงฝั่งตะวันตกเป็นของลูก แต่อีกฝั่งที่กั้นรั้วลวดหนาม ยังไม่ทราบว่าเป็นของใคร
ก่อนหน้านี้นายศรีสุวรรณยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบพล.อ.ปรีชา ว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมอบชอบหรือไม่ เหตุจากภริยาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณในการจัดทำฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนาใน จ.เชียงใหม่ จากนั้นก็เข้ายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ พล.อ.ปรีชาอีกครั้ง ว่าเข้าข่ายกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ กรณีบุตรชายเข้ามาประมูลรับงานก่อสร้างโครงการของกองทัพภาคที่ 3