วันนี้ (29 ธ.ค.2559) นายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ระบุว่าบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า ได้ติดต่อสำนักงานท่าเรือแหลมฉบังเพื่อขอนำรถเมล์เอ็นจีวี 1 คัน จากทั้งหมด 100 คัน ที่ถูกอายัดไว้เพื่อออกไปใช้งานตามใบขนผ่านพิธีศุลกากร การนำรถออกครั้งนี้บริษัทซุปเปอร์ซาร่า ต้องวางเงินประกันเพื่อรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นรวม 3,700,000 บาท โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการให้ถ้อยคำกับนิติกรเจ้าของคดี และหากบริษัทฯ ต้องการนำรถอีก 99 คัน ออกไปใช้ ก็ต้องดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ส่วนรถที่นำเข้ามาในล็อตที่ 2 และ 3 จำนวน 291 คัน เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หากจะนำออกต้องจ่ายภาษีอากร คันละ 1,450,000 บาท คิดเป็นเงินรวม 422 ล้านบาท แต่จะจดทะเบียนเป็นรถโดยสารได้หรือไม่ขึ้นกับกรมการขนส่งทางบก และหากไม่ยื่นใบขนผ่านฯ เข้ามาเพิ่มเติมภายใน 2 เดือน กรมศุลกากรก็มีอำนาจยึดขายทอดตลาดระหว่างนี้กรมศุลฯ จะดำเนินการพิสูจน์ข้อเท็จจริงถึงที่มาของรถ หากพบว่ารถจำนวนดังกล่าวไม่ได้นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ก็จะยึดเงินประกันที่จ่ายไว้ทันที
ทั้งนี้ วันที่ 29 ธ.ค.2559 เป็นวันสุดท้ายที่บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ต้องส่งมอบรถให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามกำหนด หลังถูกกรมศุลกากรกักรถทั้งหมดไว้หลังพบว่ามีการสำแดงเท็จแหล่งผลิตรถเพื่อหลบเลี่ยงภาษี หากวันนี้ไม่สามารถส่งมอบรถเมล์ทั้งหมดให้แก่ ขสมก. บริษัทผู้นำเข้าจะต้องถูกปรับเงินวันละ 17,000 บาทต่อคัน หรือประมาณวันละ 8 ล้านบาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม จนกว่าจะส่งมอบรถหรือหมดเงินค้ำประกันที่บริษัทวางไว้กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ ขสมก.จะยกเลิกสัญญาต่อไป