เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นบนทางหลวงหมายเลข 11 ช่วงที่เส้นทางมีลักษณะโค้งสลับซ้อนและลาดชันด้านหนึ่งชิดเหวซึ่งมีแท่งแบริเออร์ปูนกั้นไว้ ช่วงบ่ายของวันที่ 22 พ.ย.2559 รถทัวร์ของเหมาคันของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) มีผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นพนักงานปลดเกษียณและใกล้ปลดเกษียณของการสื่อสารแห่งประเทศไทย กำลังเดินทางกลับจากการไปเที่ยว จ.น่าน และ จ.แพร่
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ รถทัวร์ได้ส่ายไปมาก่อนจะชนแท่งปูนที่กั้นริมทางและตกลงไปในเหวลึกประมาณ 150 เมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน และบาดเจ็บ 20 คน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารและการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนมากขึ้นอีกครั้ง เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 ตรวจสอบความเร็วของรถที่วิ่งลงจากเขาพลึง ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมืองอุตรดิตถ์ ก่อนถึงจุดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารตกเหว แต่ก็พบว่าผู้ขับขี่บางรายยังใช้ความเร็วสูงกว่า 70 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง จึงเตรียมนำข้อมูลนี้ ไปปรับแผนมาตรการลดอุบัติเหตุในอนาคต นอกเหนือจากการสร้างแนวกั้นให้สูงขึ้นเป็น 1.80 เมตร
ขณะที่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเจ้าหน้าที่ได้ปรับปรุงป้ายเตือนทางโค้งและไฟกระพริบให้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งจำกัดความเร็วเป็นช่วงๆ และ จัดเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณแจ้งเตือนผู้ขับรถให้ชะลอความเร็ว
นายนพดล กรประเสริฐ นักวิชาการด้านวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่าเส้นทางส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นภูเขาสูงชัน จึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ แม้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จะทำการปรับปรุงถนนในจุดเสี่ยง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แต่สิ่งสำคัญคือคนขับ ต้องระมัดระวัง ไม่ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
เขาพลึงเป็นหนึ่งในจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ บนทางหลวงหมายเลข 11 ถนนสายหลักภาคเหนือตอนบน มีความยาวของถนนจากจุดสูงสุดถึงพื้นราบเกือบ 5 กิโลเมตร มีความลาดชั้นร้อยละ 7 มีโค้งทั้งหมด 9 โค้ง แต่โค้งที่เสี่ยงและ อันตรายคือ โค้งที่ 4 ช่วงขาลง และ เป็นจุดที่รถทัวร์ตกเหว ซึ่งป้ายกำหนดความเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยในปี 2558 เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 32 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 11 คน ส่วนในปีนี้ เกิดอุบัติเหตุ 15 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 25 คน เสียชีวิต 18 คน