เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ กรมทางหลวง จ.สมุทรสาคร กว่า 10 นาย ลงพื้นที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลาญา ถนนพุทธมณฑลสาย 4 จ.นครปฐม หลังประชาชนร้องเรียนพบรถบรรทุกฝ่าฝืนกฎหมายบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด วิ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่
เจ้าหน้าที่ ระบุว่า รถบรรทุกส่วนใหญ่จะรับสินค้ามาจากพื้นที่ จ.นนทบุรี และใช้เส้นทางชนบท เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของตำรวจในพื้นที่รวมถึง หลบเลี่ยงด่านตรวจวัดน้ำหนัก อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยใช้เส้นปิ่นเกล้าเส้นพุทธมณฑล และ เส้นราชพฤกษ์
ขณะที่ พื้นที่ใกล้เคียงกรุงเทพมหานคร เช่น พื้นที่กิ่งเเก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เป็นอีกพื้นที่ที่ถนนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีโรงงานอุตสาหกรรม และมีรถบรรทุกขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากวิ่งส่งสินค้าทุกวันจนทำให้ถนนชำรุด
นายอภิสิทธิ์ พรหมเสน ผู้อำนวยการสำนักบริหารบำรุงทาง กรมทางหลวง ระบุว่า ถนนชำรุดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ภัยพิบัติ และรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งจากการสำรวจของเจ้าหน้าที่สำนักบริหารบำรุงทางพบว่ารถบรรทุกสินค้าเกินกว่ากฎหมายกำหนด เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ถนน ได้รับความเสียหายมากที่สุดโดยเฉพาะพื้นที่อุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งในแต่ละปีใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงไม่เพียงพอ
นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่าข้อมูลรถบรรทุกที่มายื่นจดทะเบียนต่อปีน้อยลง ซึ่งปัจจัยคาดว่าน่าจะเกิดจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่มีการชะลอตัว และสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้ภาคเอกชนยื่นจดทะเบียนรถบรรทุกน้อยลงน่าจะมาจากเพื่อต้องการลดภาระการขนส่ง แต่ในทางกลับกันยังพบว่ามีรถบรรทุกน้ำหนักเกินวิ่งส่งสินค้าอยู่ ซึ่งมาตราการแก้ไขกรมการขนส่งทางบกมีแนวทางให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ติด GPS เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้ว่าใครเป็นคนขับรถคันนั้น รวมถึงใช้เส้นทางถูกต้องหรือไม่ โดยความว่ามาตราการนี้จะแล้วเสร็จใน ปี 2562
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกิน เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ายังมีช่องว่างของกฎหมาย ระหว่างกรมการขนส่งและกรมทางหลวงที่จะต้องปรับแก้ไข เพื่อที่สามารถเเก้ไขปัญหานี้ได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายเตรียมประชุมหาเพื่อวางกรอบแนวทางในการปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ โดยคากว่าการประชุมร่วมกันทั้งสองฝ่ายจะมีขึ้นในปี 2560