วันนี้ (16 ม.ค.2560) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิง และระบุถึงระบบการซ่อมบำรุงของบริษัทฯ ว่ามีปัญหาในการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ บริเวณโค้งลาดกระบังมีการชะลอความเร็วจาก 45 กม.ต่อ ชม.เป็น 30 และ 15 กม.ต่อ ชม.ตามลำดับ ซึ่งมีการให้ข้อมูลภายในว่าแผ่นเหล็กประกบราง (หรือเหล็กรองรับราง) เคลื่อนตัวเนื่องจากนอตยึดแผ่นเหล็กหลุด เพราะตัวพุกที่ใช้ยึดไม่ยึดติดกับคอนกรีต จึงจำเป็นต้องลดความเร็วลง หากไม่ลดความเร็วอาจทำให้รถไฟฟ้าตกรางได้ และตามรายงานของฝ่ายซ่อมบำรุงรักษาระบุว่าจะต้องซ่อมบำรุงแผ่นเหล็กประกบรางถึง 159 จุด แบ่งเป็นจุดวิกฤต 59 จุด และไม่วิกฤต 100 จุด
นายสามารถ ระบุว่า บริษัทฯ ไม่มีการซ่อมบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจนทำให้เกิดปัญหาขึ้น รวมทั้งยังพาดพิงด้วยว่าสาเหตุที่เกิดปัญหาขึ้น เป็นเพราะผู้บริหารบางคนต้องการว่าจ้างเอกชนรายหนึ่งให้มาทำการซ่อมบำรุงรักษาโดยไม่มีการประมูล หรือไม่มีการแข่งขัน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายนั้น
บริษัทฯ ขอชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนและขอชี้แจงรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.บริษัทมีการซ่อมบำรุงรักษา หรือที่เรียกว่าซ่อมบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) อย่างสม่ำเสมอ มีการตรวจสอบและประเมินด้วยสายตา (Visual Inspection) ทุก 4 เดือน และทำการตรวจสอบซ่อมบำรุงตาม (Overall Project Management) OPM – 0070 หรือคู่มือซ่อมบำรุงของผู้วางระบบฯ ที่ระบุว่าชุดอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางจะต้องมีการเปลี่ยนทุก 10 ปี ซึ่งบริษัทได้ติดตั้งชุดอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางมาเป็นระยะเวลา 9 ปี ทั้งนี้อุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางทั้งระบบรถไฟฟ้าระยะทาง 28 กิโลเมตร มีประมาณ 400,000 ตัว สำหรับบริเวณทางโค้งลาดกระบังระยะทาง 3 กิโลเมตร มีประมาณ 20,000 ตัว เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขชุดอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางบริเวณทางโค้งลาดกระบังไปแล้ว 160 จุด ตั้งแต่เดือนธันวาคม2558–พฤษภาคม 2559 และได้เสริมกำลังคนเพิ่มเติมในวิศวกรรมระบบรางตั้งแต่เดือนเมษายน 2559 เพื่อเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ และประเมินด้วยสายตา (Visual Inspection) จากเดิมทุก 4 เดือนเป็นทุก 1 เดือน
2.บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร และจากการเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบทุกๆ 1 เดือน ทำให้ตรวจพบในเดือนกันยายน 2559 ว่าจะต้องมีการซ่อมบำรุงแก้ไข จำนวน 159 จุด ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในแผนการซ่อมบำรุงรักษาตามวาระแล้วต่อมาเดือนธันวาคมได้ทำการตรวจสอบและประเมินด้วยสายตา (Visual Inspection) พบว่ามีจุดที่ต้องดำเนินการซ่อมบำรุงแก้ไขทันที 50 จุด ตามเอกสารประเมินความเสี่ยง (Risk Assetment) โดยส่วนความปลอดภัยและคุณภาพของบริษัท ซึ่งต้องดำเนินการแก้ไขทันทีเพื่อความปลอดภัยในการให้บริการเดินรถไฟฟ้า
3.สำหรับบริษัทเอกชนที่เข้ามาดำเนินการซ่อมบำรุงชุดอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางนั้น เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการซ่อมบำรุงรางให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมถึงเป็นผู้ชนะการสอบราคาของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ในโครงการจ้างตัดต่อรางบริเวณรอยเชื่อมบนทางประธานและทำการตรวจสอบวิเคราะห์สภาพความทนทานต่อการใช้งาน และทดสอบความแข็งแรงรอยเชื่อมแบบ Thermit ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในงานซ่อมบำรุงและมูลค่างานในการจ้างซ่อมชุดอุปกรณ์เครื่องยึดเหนี่ยวรางมีมูลค่า 250,000 บาท
ทั้งนี้ ในการซ่อมบำรุงชุดอุปกรณ์เครื่องยึดเหนี่ยวรางในจุดที่ต้องดำเนินการแก้ไขทันที 50 จุดนั้น บริษัทฯได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว โดยคณะประเมินความเสี่ยงได้ทำการประเมินความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับรูปภาพที่ปรากฏในเฟซบุคของนายสามารถและสื่อสังคมออนไลน์ เป็นรูปภาพของอุปกรณ์ที่อยู่ในพื้นที่โรงล้างรถไฟฟ้าภายในศูนย์ซ่อมบำรุง และอยู่ในแผนงานซ่อมบำรุงตามวาระแล้ว