วันนี้ (31 ม.ค.2560) นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ขสมก.ถึงความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คันว่า ที่ประชุมได้สรุปเนื้อหา 3 ส่วน ส่วนแรก คือการตอบข้อสงสัยขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเข้ามาตรวจสอบการจัดทำร่างเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) และได้ร่วมสังเกตการณ์ตั้งแต่ปลายปี 2558-2559 ซึ่งยืนยันว่าไม่พบสิ่งผิดปกติของร่างทีโออาร์ แต่กังวลว่าปัญหาน่าจะมาจากการนำเข้ารถ และเป็นไปได้ว่าผู้ประกอบการ คือบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จะผิดสัญญาคุณธรรม และห่วงว่ารถที่จัดหามาจะใช้บริการได้ไม่ถึง 10 ปี
ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องหนังสือตอบข้อซักถามที่ส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อรับรถเมล์เอ็นจีวี และการรอผลการตรวจสอบจากกรมศุลกากรว่าแหล่งที่มาของการจัดหารถ มีการผลิตอุปกรณ์ที่จีนและไปประกอบที่มาเลเซีย หรือเป็นการผลิตและประกอบที่จีน และส่วนที่ 3 คือกรณีสำนวนจากสำนักงานอัยการสูงสุดที่ให้ชะลอการรับรถเมล์เอ็นจีวี ซึ่งฝ่ายกฎหมาย ขสมก.ตีความแล้วว่าเป็นการห้ามรับรถเมล์เอ็นจีวีทุกคัน จนกว่าจะได้ความชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาจากกรมศุลกากร หากมีหลักฐานว่าเป็นการผลิตและประกอบที่จีนซึ่งผิดเงื่อนไข ก็ไม่สามารถรับรถได้ ทั้งนี้ หากโครงการจะยกเลิกจริง ก็ต้องเสนอโครงการใหม่ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และเปิดประมูลใหม่ ซึ่งขั้นตอนจะใช้เวลา 6 เดือน
ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ปัจจบัน ขสมก.รับรถมาแล้ว 1 คัน อีก 99 คันยังค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมมฉบัง ส่วนที่เหลืออยู่ในกระบวนการตรวจสภาพรถและจดทะเบียนรถ ขณะที่เอกชนจะต้องเสียค่าปรับจากการส่งมอบรถล่าช้าประมาณวันละ 8 ล้านบาท ซึ่งตามร่างสัญญาจะให้ปรับเงินได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของวงเงินสัญญาโครงการ หรือประมาณ 330 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังปรับไม่ถึงเพดานที่กำหนด โดยคาดว่าจะครบในเดือนกุมภาพันธ์นี้