วันนี้(6 ก.พ.2560) นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิก สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. กล่าวว่า แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้จ่ายสินบน ที่สารภาพสามารถจ่ายค่าปรับแทนการลงโทษแบบเดิมได้ แต่เป็นเรื่องยากที่จะมีการเปิดเผย เพราะการให้สินบนเป็นธุรกรรมใต้ดินที่ผิดกฎหมาย นักธุรกิจหรือ ผู้จ่าย ก็ได้งานไปแล้ว
แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรี คิดจะทำ น่าจะเป็นเพียงแรงจูงใจ กรณีของผู้ที่สำนึกผิดแล้วมาสารภาพ เป็นวิธีการให้คนกลับใจ ขณะเดียวกันจะได้รู้ว่าบริษัท ที่จ่ายสินบนอยู่ใน หรือนอกตลาด หลักทรัพย์ หากอยู่ในตลาดก็สามารถเนินการได้เลย แต่หากอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ต้องมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือกรมสรรพากร เป็นผู้ตรวจสอบต่อไป
นายสังศิต ยังแนะให้ใช้ระบบบัญชีนิติเวช เข้าตรวจสอบ จะช่วยป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างชัดเจน แต่ขณะนี้ไทยยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
ด้านนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อลดโทษให้กับผู้จ่ายสินบน เพราะเห็นว่ากฎหมาย ป.ป.ช.ในปัจจุบัน ครอบคลุมมาตรการเหล่านี้แล้ว แม้จะไม่รวมกรณีสินบนโรลส์รอยซ์ เพราะเกิดขึ้นก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้
แม้มาตรา123/5 ของกฎหมาย ป.ป.ช. จะกำหนดให้ ผู้ให้ หรือ รับว่าจะให้สินบนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ แต่กฎหมายเปิดช่องให้ไม่เอาผิด หากผู้จ่ายสินบนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยมีทั้งมาตรการคุ้มครองพยาน และกันไว้เป็นพยาน จึงสามารถดำเนินการภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติมอีก