ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(6 มี.ค.2560) ซึ่งถือเป็นวันที่ 19 ของปฏิบัติการค้นวัดพระธรรม กาย จ.ปทุมธานี ซึ่งทางด้านกฎหมาย ยังถูกการควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช.ตามมาตรา 44 และปรับการปฏิบัติไปตามสถานการณ์
โดยบรรยากาศที่ตลาดกลางคลองหลวง ซึ่งเป็นจุดที่พระสงฆ์ และลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่อเนื่อง โดยมีการนำอาหารแห้ง อาหารสดจำนวนมาก รวบรวมนำไปมอบให้ประชาชนที่อาศัยรอบพื้นที่วัดพระธรรมกาย เนื่องจากเห็นว่าเส้นทางประตูต่างๆรอบวัดธรรมกายมีการตั้งด่านตรวจ มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต และอาจจกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน จึงจะนำอาหารไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จะมีการปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น แต่พระสงฆ์และคณะศิษย์ยังเดินทางมาร่วมทำกิจกรรมที่ตลาดกลางคลองหลวงอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้มีการออกหมายเรียกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ประกาศให้เจ้าหน้าที่ดูแลระบบงานภายในอาคารบุญรักษา และอาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ 19 คน มาพบเจ้าหน้าที่ และขณะนี้ยังไม่มีผู้มารายงานตัวตามหมายเรียก
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างออกหมายเรียกนางศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ หรือ ป้าเช็ง เจ้าของพื้นที่ตลาดป้าเช็ง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ กรณีที่อนุญาตให้พระสงฆ์ สามเณร เข้ามาใช้พื้นที่ในการชุมนุม เช่นเดียวกับ นายอธิษฐ์ พรมมา ผู้ดูแลตลาดกลางคลองหลวง ที่เตรียมออกหมายเรียกให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1
ยันถอดสมณศักดิ์ "พระธัมมชโย" แต่ยังเคารพ
ต่อมาเวลา 9.30 น. พระปลัดเสกสรรค์ อัตตทโม พระลูกวัดพระธรรมกาย บอกว่า ในวันที่ 8 จะไปพบพนักงานสอบสวนตามนัด ที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ยอมรับว่ามีความกังวลว่าถ้าไปรายงานตัวแล้วอาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ถ้าอยู่ในคุก ไม่ได้รู้สึกกังวล และต้องดูเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะปฏิบัติหน้าที่ต่อพระอย่างไรมากกว่า
พระปลัดเสกสรรค์ ยังแถลงเกี่ยวกับท่าทีการถอดสมณศักดิ์ พระเทพญาณมหามุนี (พระไชยบูลย์ สุทธิผล) หรือพระธัมมชโย ออกจากสมณศักดิ์ โดยบอกว่า ไม่ได้สนใจเรื่อง ยศ เพราะเคารพท่านด้วยความเป็นอาจารย์
กสม.กังวลความรุนแรงวัดพระธรรมกาย
นอกจากนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า มีความกังวลว่า เหตุการณ์จะบานปลายนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงและเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น จึงเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน คือ 1.เจ้าหน้าที่ควรใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ และหลีกเลี่ยงการเผชิญ หน้า และพิจารณาใช้มาตรการที่เหมาะสมพอสมควรแก่เหตุ เคารพต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ
นอกจากนี้ขอให้พระสงฆ์และศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ควรใช้สติ และอยู่ในความสงบ หรือหลีกเลี่ยงการกระทำที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และนำไปสู่ความขัดแย้งุรนแรง และเรียกร้องให้มหาเถรสมาคม ได้มีบทบาทในการแก้ปัญหาที่หาออกที่เหมาะสม และกสม.เห็นว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม และวัดควรร่วมมือกันในการให้ภาคประชาสังคมเข้าร่วมเป็นพยานในการเข้าตรวจค้นเพื่อหาบุคคลตามหมายจับ เพื่อความโปร่งใส และหากไม่พบบุคคลดังกล่าวให้ยุติการตรวจค้นและยกเลิกการประกาศวัดพระธรรมกาย เป็นพื้นทีควบคุมตามมาตรา 44