วันนี้(12มี.ค.2560)นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.ตะพง อ.เมืองระยอง แจ้งเบาะแสว่า ที่บริเวณหมู่ 14 ที่ตั้งโครงการป่าชุมชนบ้านบ่อหินลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมเล่น “ Cable Rides” เคเบิล ไรด์ ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเล่นกันเป็นประจำทุกวันในพื้นที่ป่าต้นน้ำเขายายดา ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากะเฉด ป่าเพ และป่าแกลง ชาวบ้านมองว่าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติห้ามดำเนินการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ แต่ทราบว่ามีการเก็บเงินชาวต่างชาติที่ขึ้นไปเล่น และเงินที่เก็บ ก็ไม่ได้นำมาช่วยเหลือให้กับชุมชนแต่อย่างใด ทางกรมป่าไม้ ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า ก่อนหน้านี้ในปี 2559 เจ้าหน้าที่เคยลงไปตรวจสอบพื้นที่มาแล้วมีพื้นที่กว่า 4 ไร่ แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิด จึงได้ตรวจยึดและดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ พ.ร.บ.ป่าไม้พุทธศักราช 2484 โดยส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมือง จ.ระยอง
ปัจจุบันคดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน และมีการเร่งรัดการดำเนินการสอบสวนจากพนักงานอัยการจังหวัดระยอง จนเดือนพ.ย. 2559 เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดได้ไปตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบว่า มีการลักลอบเล่นกิจกรรมนี้อยู่ จึงได้ติดตามผลคดีไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนในการแจ้งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อที่จะดำเนินการติดประกาศให้ผู้กระทำผิดทำการรื้อถอนตาม มาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ ต่อไป
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอีกครั้ง จึงพบว่ามีการนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าเล่นกิจกรรมเคเบิล ไรด์ จึงได้จับกุมดำเนินคดีกับผู้นำเที่ยวจำนวน 2 ราย ข้อหากระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ พ.ร.บ.ป่าไม้พุทธศักราช 2484 พร้อมติดป้ายประกาศบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ตรวจยึดดำเนินคดี ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปดำเนินการ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกตรวจยึดจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมือง จ.ระยอง ต่อไป โดยในระหว่างตรวจยึดจับกุมคณะเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานกับผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขยายผลการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการจัดกิจกรรมรูปแบบนี้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติอื่นๆระยองหรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ กรมป่าไม้จะมอบหมายทีมพยัคฆ์ไพรลงตรวจสอบในจังหวัดอื่น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ กรมป่าไม้จะดำเนินการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจ้าหน้าทีหรือพนักงานคนใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุด รวมทั้งได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ปกครองร่วมกันประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยเป็นเครือข่ายในการป้องกันรักษาป่า หากมีการเข้าไปดำเนินการจัดกิจกรรมในทำนองเดียวกันให้แจ้งเจ้าหน้าที่ผ่านสายด่วน 1310 ต่อ 3