วานนี้(14 เม.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ทางการเกาหลีเหนือ เผยแพร่ภาพ นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดขณะเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในกรุงเปียงยาง ก่อนหน้าการเฉลิมฉลองวันเกิดอดีตผู้นำในวันนี้ ท่ามกลางเผชิญหน้ากับสหรัฐอเมริกาที่ทวีความตึงเครียดขึ้นทุกขณะ
โดยเกาหลีเหนือจะจัดพิธีเฉลิมฉลองวันเกิดนายคิม อิล ซุง อย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ ท่ามกลางวิกฤตความตึงเครียด บนคาบสมุทรเกาหลีจากความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนืออาจทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 หรือทดสอบขีปนาวุธท้าทายประชาคมโลกในวันสำคัญนี้ และพร้อมที่จะท้าชนกับสหรัฐฯ ที่ส่งกองเรือพิฆาตไปประจำการที่คาบสมุทรเกาหลีเพื่อข่มขวัญเกาหลีเหนือ
แม้สถานการณ์จะทวีความตึงเครียดแต่บรรยากาศในกรุงเปียงยางยังเป็นปกติ ขณะที่ชาวเมืองต่างแสดงความมั่นใจว่าเกาหลีเหนือจะเป็นผู้ชนะในการทำสงครามใดๆ กับสหรัฐฯ
สำหรับการจัดงานเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 105 ปี ของนายคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งประเทศ ซึ่งเป็นปู่ของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุด หรือที่เรียกกันว่า "วันแห่งพระอาทิตย์" จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในกรุงเปียงยาง
โดยนายคิม จอง อึน ทำพิธีเดินตรวจพล ก่อนที่พิธีสวนสนามของเหล่าทหารในกองทัพที่เคลื่อนกำลังมารวมพลกันในกรุงเปียงยาง ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด มีประชาชนจำนวนมากมาเข้าร่วมพิธี พิธีสวนสนามในครั้งนี้ นอกจากเป็นการเฉลิมฉลองวันเกิดผู้ก่อตั้งประเทศแล้ว ยังเป็นการแสดงให้สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ตระหนักถึงแสนยานุภาพของกองทัพเกาหลีเหนือในการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ และยั่วยุให้สหรัฐฯ ต้องเปิดศึกกับเกาหลีเหนือจากกองเรือพิฆาตของกองทัพสหรัฐฯ ที่ส่งเข้ามาประจำการในคาบสมุทรเกาหลี
ก่อนหน้านี้ กองทัพเกาหลีเหนือ ประกาศว่า จะตอบโต้การคุกคามใดๆ จากสหรัฐฯอย่างไร้ความปราณี ขณะที่จีน ซึ่งเป็นผู้หนุนหลังเกาหลีเหนือ เตือนว่า ความขัดแย้งขั้นแตกหักระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ อาจปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า หากสงครามเกิดขึ้นจะไม่มีใครได้รับชัยชนะและขอให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการยั่วยุและข่มขู่กันและกัน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์บานปลายและไม่สามารถควบคุมได้
เกาหลีเหนือเผชิญมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติมาอย่างต่อเนื่องเพื่อลงโทษที่พัฒนาโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังพยายามจะสร้างจรวดติดหัวรบที่ยิงได้ไกลถึงสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น