วันนี้ ( 26 เม.ย.2560) จากกรณีที่ผู้ใช้มือถือยี่ห้อหัวเว่ย รุ่น Mate 9 และ P10 ตรวจพบว่า หน่วยความจำในโทรศัพท์ไม่ตรงกับสเป็กที่ทางบริษัทได้โฆษณาไว้นั้น ล่าสุด นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เผยว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ตัวแทน บ.หัวเว่ย ได้เข้ามารายงานปัญหาให้ทราบแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือ บ.หัวเว่ย จะต้องแสดงหลักฐานว่าข้อชี้แจงนั้นเป็นจริงหรือไม่
นพ.ประวิทย์ เปิดเผยว่า ตัวแทนบริษัทฯ ชี้แจงว่า เรื่องที่กำลังเป็นประเด็นปัญหาของโทรศัพท์มือถือรุ่น Mate 9 และ P10 นั้น เป็นปัญหาคนละลักษณะกัน โดยยืนยันว่าในส่วนของ แรม LPDDR4 นั้นไม่มีปัญหาในทั้ง 2 รุ่นอย่างแน่นอน เพราะทั้ง 2 รุ่นใช้ชิพ Kirin960 ซึ่งไม่รองรับแรม LPDDR3 จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพบปัญหานี้ แต่ที่ปรากฏเป็นข่าวเพราะผู้ใช้งานกลุ่มหนึ่งใช้แอพตรวจหารุ่นของหน่วยความจำ ซึ่งบางแอพมีข้อจำกัดทางเทคนิคทำให้รายงานผลผิดพลาด ไม่ใช่บริษัทใช้หน่วยความจำผิดรุ่น
ส่วนในประเด็นหน่วยความจำภายในของโทรศัพท์มือถือรุ่น P10 นั้น ทางตัวแทนหัวเว่ยระบุว่า ตั้งแต่วางจำหน่ายบริษัทไม่เคยประกาศหรือโฆษณาว่าใช้มาตรฐาน UFS 2.1 เท่านั้น เพราะบริษัทมีนโยบายใช้หน่วยความจำจากผู้ผลิตหลายแห่งที่ผ่านมาตรฐานคุณภาพ ไม่ได้มีการเปลี่ยนสเป็กเครื่องแต่อย่างใด ซึ่งต่างจากเครื่องรุ่น Mate 9 ที่บริษัทยอมรับว่า มีการระบุในส่วน ROM UFS 2.1 จริง และยืนยันว่าเครื่อง Mate 9 ทุกเครื่องเป็นไปตามมาตรฐานดังกล่าวตรงกับที่บริษัทโฆษณาไว้จริง และความเร็วการอ่านข้อมูลของมาตรฐาน UFS 2.0 และ UFS 2.1 ไม่ต่างกันตามเอกสารของ JEDEC
ส่วนที่แตกต่างกันชัดเจนเป็นคุณสมบัติอื่น เช่น ความปลอดภัยของข้อมูล การอัพเดทการตรวจสอบสถานะของเครื่อง สำหรับการถอดข้อความเกี่ยวกับ UFS 2.1 ในหน้าเว็บของรุ่น Mate 9 ทางตัวแทนบริษัทฯ อ้างว่าเป็นการดำเนินการของสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศไม่ใช่เพื่อปกปิดข้อมูล แต่เป็นเพราะบริษัทไม่เคยระบุข้อความทำนองนี้ แล้วทำให้ผู้ใช้งาน P10 รู้สึกถึงความไม่เหมือนกันของข้อมูลกับรุ่นที่ตนใช้ บริษัทจึงพยายามปรับการนำเสนอข้อมูลทั้ง 2 รุ่นในลักษณะเดียวกัน ไม่ได้คาดคิดว่าจะทำให้เกิดข้อสงสัยมากมายดังที่เกิดขึ้นนี้ และบริษัทพร้อมจะพิสูจน์ว่าเครื่อง Mate 9 ทุกตัวได้มาตรฐาน UFS 2.1 ตามที่เคยแจ้งไว้ก่อนแล้ว
“อย่างไรก็ดี ภายหลังรับฟังคำชี้แจงแล้วได้ขอให้บริษัทส่งหลักฐานข้อกำหนดทางเทคนิคของชิพ Kirin960 ว่าเป็นไปตามที่บริษัทชี้แจงหรือไม่ และวิธีการตรวจสอบหรือรหัสรุ่นของหน่วยความจำที่บริษัทใช้เพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
รวมทั้งขอให้บริษัทหาผู้เชี่ยวชาญหรืออุปกรณ์ที่เป็นกลางที่ใช้ในการตรวจสอบ ให้ กสทช.พิจารณาความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ร่วมกันพิสูจน์ต่อหน้ากลุ่มผู้ใช้งานที่เกิดความสงสัยให้ได้ความจริงต่อไป หากตรวจสอบแล้วไม่พบ UFS 2.0 ปัญหาก็จะได้ยุติ” นายประวิทย์ กล่าว
นอกจากการขอให้ทางหัวเว่ยส่งหลักฐานและพิสูจน์ความถูกต้องแล้ว นายประวิทย์ ยังได้มอบหมายให้ทางสำนักงาน กสทช. ตรวจสอบคำขอรับรองมาตรฐานในส่วนแคตตาล็อกและข้อกำหนดทางเทคนิคของทั้ง 2 รุ่นที่บริษัทเคยยื่นมาว่าตรงกับคำชี้แจงของบริษัทหรือไม่ เพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่โดยตรงของสำนักงาน กสทช.หากตรงกันก็ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม แต่หากไม่ตรงก็จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียดและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป