ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งปรับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ทำให้นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แต่งตั้งรองผู้ว่าการ กฟผ.ด้านพลังงานทดแทนคนใหม่ขึ้นมาดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จากปัจจุบันเป็นเพียงงานระดับฝ่ายเท่านั้น ก่อนเดินหน้าแผนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ขนาด 2,000 เมกกะวัตต์
นายกรศิษฏ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดให้เอกชนประมูลโครงการลงทุนระบบกักเก็บพลังงาน หรือ เอ็นเนอร์ยี่ สตอร์เรจ ในพื้นที่ อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ขนาด 16 เมกะวัตต์ และอ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรีขนาด 21 เมกะวัตต์ วงเงินนับพันล้านบาท และทบทวนแผนการลงทุนสร้างเสาส่งไฟฟ้าให้สอดคล้อง และจะเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อปรับปรุงในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ พีดีพี ใหม่ ซึ่งถือเป็นการปรับแผนครั้งใหญ่
ผู้ว่า กฟผ. ย้ำว่า แต่ยังมีความจำเป็นในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ยังมีอยู่ แต่อาจปรับลดจำนวนโรงไฟฟ้าในช่วงท้ายของแผน ซึ่งอาจมีผลต่อค่าไฟ ส่วนความคืบหน้าแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่นั้น กฟผ. ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ อีเอชไอเอ จึงยังไม่สามารถเดินหน้ากระบวนการประมูลบริษัทที่ปรึกษาโครงการได้