หลังเปิดการตรวจสอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนจำนวน 1 ลำ มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท บาท ครบ 2 สัปดาห์ วันนี้ (22 พ.ค.2560) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือสตง. จะเข้าพบ พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อแจ้งผลการตรวจสอบเบื้องต้น
ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่โครงการนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมาณ จนกระทั่งมีการลงนามในข้อตกลงจัดซื้อเรือดำน้ำระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยและจีนรูปแบบรัฐต่อรัฐเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา
แม้จะไม่ยืนยันกระแสข่าวว่า สตง.ตรวจสอบไม่พบความผิดปกติใด ๆ เพราะอาจเป็นการให้ความเห็นฝ่ายเดียว แต่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินยืนยันว่า จะชี้แจงผลสอบ โดยยึดข้อมูลหลักฐานเป็นหลัก
“ ทางสตง.จะเล่าข้อเท็จจริงจากหลักฐาน และทางสื่อมวลชนอาจจะเข้อสรุป และทางสตง.คงจะไม่เป็นผู้สรุปว่า มีข้อสังเกตหรือไม่มีข้อสังเกต อย่างไร หรือว่าไม่ผิดปกติทั้งสิ้น ให้สื่อมวลชนฟังข้อเท็จจริงการตรวจสอบจากหลักฐาน” นายพิศิษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ นอกจากเอกสาร การดำเนินโครงการ เพื่อจัดซื้อโครงการนี้แล้ว สตง.เตรียมชี้แจงใน 2- 3 ประเด็นหลักที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเคยยื่นเรื่องให้ สตง.ตรวจสอบคือ การจัดซื้อเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.งบประมาณว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันหรือไม่ รวมทั้ง ความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐเข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 175 ที่ว่าด้วยการลงนามในสัญญาที่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนหรือไม่
โดยเฉพาะการจัดซื้อแบบจีทูจี โดยจะอ้างอิงหลักฐาน เอกสาร รวมถึงภาพถ่ายการลงนามระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยและจีน พร้อมคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เคยตีความก่อนหน้านี้ว่า การจัดซื้อแบบจีทูจี ไม่เข้าข่ายสนธิสัญญาที่ส่งผลกระทบต่อเขตแดน