วันนี้ (24 พ.ค.2560) ทหารที่ประจำอยู่บริเวณทาง-ออก 3 ประตูหลัก อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ต้องตรวจค้นกระเป๋า สัมภาระผู้มาใช้บริการทุกคน ไม่ยกเว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โดยเป็นอีก 1 มาตรการเข้มที่เพิ่งเริ่มทำในวันนี้ หลังมีคนร้ายนำระเบิดไปป์บอมบ์เข้ามาซุกซ่อนไว้ในแจกันดอกไม้ ภายในห้องจ่ายยานายทหารสัญญาบัตรชั้น 1 ทำให้มีบาดเจ็บทันที 21 คน และสาหัส 1 คน จากการถูกสะเก็ดระเบิดตะปู และกระจก
ทั้งนี้ ในแต่ละวันโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีผู้มาใช้บริการหลายพันคนทั้งทหาร ครอบครัว และประชาชนทั่วไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นว่าคนร้ายอาจแฝงตัวเดิน-ทางเข้าออก โรงพยาบาลได้ตามปกติ เพราะก่อนหน้าเกิดเหตุ แม้จะมี รปภ.ตามจุดต่างๆ แต่ยังไม่ได้มีการตรวจเข้ม
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บริการรถเข็นด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าทุกวันจันทร์และวันอังคารจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมากเป็นประจำ เพราะว่าส่วนใหญ่แพทย์จะนัดวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับวันที่คนร้ายเข้ามารอบวางระเบิดตรงกับวันจันทร์ หรือเลือกวันที่คนเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลจำนวนมาก และหากมีสิ่งแปลกปลอมมาวางไว้ หรือเพิ่งมาวางจะรู้ทันทีเช่นแจกันดอกไม้ ตั้งไว้ตรงรับบัตรคิวรถเข็นเจ้าหน้าที่มีการนำมาวางไว้เป็นปีแล้ว
ทีมข่าวไทยพีบีเอสทดลองเดินสำรวจรอบอาคารเฉลิมพระเกียรติ พบว่ามีร้านค้ารับจัดดอกไม้สดเยี่ยมไข้ผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ประจำร้านดอกไม้ให้ข้อมูลว่าวันที่เกิดเหตุ ร้านขายดอกไม้ได้แค่ 1 กระเช้าเท่านั้นและร้านก็มีแค่ดอกไม้สด ไม่มีดอกไม้แห้งเหมือนที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเธอเป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการรอรับยาที่ห้องวงษ์สุวรรณเป็นประจำ โดยบอกว่าที่ผ่านมาภายในห้องรับยาจะไม่มีแจกันดอกไม้ แต่คงไม่มีใครทันสังเกต เพราะดอกไม้กับโรงพยาบาลเป็นของคู่กัน
สำหรับบริเวณห้องรับยายงใจยุทธ เชื่อมต่อกับห้องติณสูลานนท์ เปิดให้บริการตามปกติ ยกเว้นห้องวงษ์สุวรรณที่มีการใช้ไม้อัด ปิดกั้นอย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ควบคุม ส่วนประชาชนที่มาและเป็นอีกวันที่มีผู้ใช้บริการมาสังเกตการณ์ที่จุดเกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง หลายคนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุระเบิดครั้งนี้