เศียรพระพุทธรูปอายุกว่า 600 ปีที่อยู่ในสภาพแตกหัก สะท้อนให้เห็นรอยร้าวของคนต่างความเชื่อในรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา จนนำไปสู่การทุบทำลายศาสนสถานของแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะพระพุทธรูปภายในวัดพระเก้าหมื่น วัดใหญ่ที่สุดในเมืองมรัคอู อาณาจักรโบราณสำคัญ ของชาวพุทธในรัฐยะไข่ ที่ขึ้นชื่อในความงดงามทางศิลปวัฒนธรรมตะวันออก เช่นเดียวกับวัดพระแปดหมื่น หรือ วัดทุกขันเต่ง ที่ล้วนเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวยะไข่นับถือพุทธซึ่งเสียหายจากความขัดแย้งเช่นกัน
ห่างจากเมืองโบราณมรัคอู ด้วยการเดินทางผ่านเส้นทางทุรกันดานนานเกือบ 6 ชั่วโมง ก็จะพบกับหมู่บ้านของชาวโรฮิงญาในจังหวัดซิตตเว เมืองหลักของรัฐยะไข่ ที่ถูกเผาเมื่อสามปีก่อน วันนี้กลับมีเพิงพักหรือบ้านที่สร้างขึ้นชั่วคราวของชาวยะไข่นับถือพุทธที่เข้ามาแทนที่ ขณะที่ชาวโรฮิงญาก็ถูกอพยพไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยเพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ชาวบ้านบริเวณนี้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวไทยพีบีเอสว่า แม้เวลาจะผ่านไป แต่ความขัดแย้งระหว่างชาวรัฐยะไข่นับถือพุทธและชาวโรฮิงญาก็ยังคงอยู่ในความรู้สึก และสุ่มเสี่ยงรอวันประทุหากมีสิ่งเร้า แม้ชาวโรฮิงญาและชาวยะไข่นับถือพุทธจะรู้ดีว่าความขัดแย้งนำมา ซึ่งการหยุดการพัฒนาและความยากจน รวมถึงจำนวนของผู้ได้รับผลกระทบที่มีมากขึ้น จนเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการอพยพออกนอกประเทศ เพื่อไปหางานทำในประเทศที่สาม ปัญหาความเกลียดชังของคนในชาติจึงเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับทางการเมียนมาที่ต้องเร่งแก้ไข และเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวโรฮิงญาที่หลายประเทศในอาเซียนกำลังเผชิญในปัจจุบัน