“สิ่งที่ผ่านมาก็ขอให้มันจบไป ต่างคนต่างอยู่ อย่าไปคิดกันต่อเลย การผูกเวรต่อกันซึ่งกันและกัน มันไม่เป็นผลดีสักฝ่ายเลย ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา รู้สึกว่าทรมานมากที่สุด คดีเกิดปี 40 ผมหนีออกจากบ้านไป 17 ปี แล้วถูกตำรวจจับมา ก็มาสู้ที่ชั้นศาล ท่านก็พิจารณาว่าคดีไม่มีมูล แล้วก็ยกฟ้อง ผมก็สบายใจ อยู่ๆ ปี 60 เห็นหมายมาบ้านผม แล้วจะให้ผมทำอย่างไรละ เลยมาคำนวณว่าถ้าให้ผมสู้ ซึ่งมันเหลืออีกไม่กี่วันก็หมดอายุความ เหลือ 7-8 วัน ผมก็ต้องเอาน้อยไว้ก่อนสิ ผมไม่เอามากแล้ว ผมก็หลบออกไป ผมอยากบอกว่า หากมีใครคิดสงสัยอะไรกับผม ผมขอให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป อย่าคิดจองเวรจองกรรมกันดีกว่า”
นี่คือคำพูดเปิดใจครั้งแรกของนายบัวพา พูนไธสง วันนี้ต้องใช้คำว่าเขาเป็นอดีตผู้ต้องหาฆ่าคนตายเมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว เพราะคดีของเขาหมดอายุความไปเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 มิถุนายน วันนี้เขากลับมาอยู่ที่้บ้านในจังหวัดบุรีรัมย์ ทำไร่ ทำนาปกติ
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2540 ในงานแต่งงานในหมูบ้านจังหวัดบุรีรัมย์ นายมน แสนประเสริฐ ถูกยิงเสียชีวิต ตำรวจสอบสวนพยาน 13 ปาก และสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้อง มีผู้ต้องหา 2 คน ก็คือ นายบัวพา และนายพนม นายพนมศาลยกฟ้อง แต่นายบัวพา หนีไป 17 ปี
เมื่อปี 2557 เขาถูกจับได้ แต่สุดท้ายอัยการตัดสินใจสั่งไม่ฟ้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ก็นึกว่าจบแล้ว แต่สุดท้ายครอบครัวตัดสินใจยื่นฟ้องเอง ศาลจังหวัดนางรองรับฟ้อง เมื่อ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา และศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ก่อนหมดอายุความเพียง 8 วัน
นายบัวพากล่าวว่า เขาเลือกหนีดีกว่า จะหมดอายุความแล้ว ดีกว่าไปเสี่ยงต่อสู้คดี และที่ผ่านมาก็ทรมานไม่แพ้กัน อยากจะให้จบๆ กันไป พอหนีไปจนแน่ใจว่าหมดอายุความแล้ว ก็กลับมาอยู่บ้าน ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับครอบครัวผู้เสียชีวิต
ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิต ก่อนหน้านี้ตั้งข้อสังเกตว่าการทำสำนวนรัดกุมรอบคอบแล้วหรือไม่ แล้วเมื่อออกหมายจับก่อนหมดอายุความ 8 วัน ตำรวจพยายามติดตามผู้ต้องหาเต็มที่แล้วหรือไม่ ฝ่ายตำรวจยืนยันว่าทำเต็มที่ที่สุดแล้ว
ขณะนี้ครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางเพื่อร้องขอความช่วยเหลือว่าจะมีช่องทางกฎหมายอื่นอีกหรือไม่ แม้จะหมดอายุความไปแล้ว