วันนี้ (18 ก.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ นับเป็นบุคคลที่มีอาวุโสอันดับ 1 ที่จะได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งให้เป็นประธานศาลฎีกา แต่ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการยุติธรรม หรือ ก.ต.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2560 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เห็นชอบในการแต่งตั้งให้นายศิริชัย ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา เนื่องจากเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว แม้จะเป็นผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดก็ตาม
จากนั้น ก.ต.ได้นัดประชุมครั้งต่อไป แต่ตามขั้นตอนอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อนุ ก.ต.) จะต้องพิจารณาเพื่อนำเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็นประธานศาลฎีกา ก่อนที่จะส่งรายชื่อให้ที่ประชุม ก.ต. ซึ่งอนุ ก.ต.ก็ได้จัดประชุมเมื่อวันที่ 6 ก.ค.2560 และมีมติเห็นชอบให้นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา
และเมื่อ อนุ ก.ต. ได้รายชื่อเรียบร้อยแล้ว ก.ต.ประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 11 ก.ค.2560 โดยที่ประชุม ก.ต. ได้มีมติเห็นชอบให้ นายชีพ จุลมนต์ เป็นประธานศาลฎีกา ตามที่ อนุ ก.ต. เสนอ และต่อมาราชกิจจานุเบกษาได้ออก "ประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม" เรื่องกำหนดตำแหน่งและเทียบตำแหน่งข้าราชการตุลาการ ที่มีเนื้อหาว่า ก.ต.กำหนดให้มีตำแหน่ง "ที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา" โดยเทียบกับตำแหน่ง "ประธานศาลอุทธรณ์" ซึ่งมีรายงานว่า อาจจะมีการเสนอบัญชีรายชื่อให้นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ล่าสุดมีรายงานว่าในการประชุม ก.ต.เมื่อวานนี้ คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติเสียงข้างมาก เสนอตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ต่อกรณีการปฏิบัติราชการของ นายศิริชัย วัฒนโยธินแล้ว ที่อนุ ก.ต.กลั่นกรองคุณสมบัติสรุปรายงานการไม่ผ่านคุณสมบัติเรื่องของการโอนสำนวนคดี
ซึ่งการที่ไม่ผ่านคุณสมบัติแต่งตั้งเป็นประธานศาลฎีกาของนายศิริชัย รวมถึงการถูกตั้งคณะกรรมการสอบเท็จจริง กรณีการปฏิบัติราชการอาจทำให้ นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ มีความอึดอัด จึงได้นัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเป็นครั้งสุดท้ายวันนี้ เวลาประมาณ 14.00น. ถึงแนวทางการลาออกจากราชการ ก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนมาแล้ว 2 ครั้ง และยืนยันว่าไม่คิดลาออก พร้อมย้ำว่าตลอดชีวิตไม่เคยทำสิ่งไม่ดี