วันนี้(24 ก.ค.2560) วันแรกของการเปิดศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวพร้อมกันทั่วประเทศ 101 แห่งในจำนวนนี้มี 11 ศูนย์อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับแบบคำขอจำนวนศูนย์ละ 30 คน พร้อมเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก โดยนายจ้างต้องสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลกรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคล รูปถ่ายแรงงานข้ามชาติ ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป และแบบยื่นคำขอจ้างคนต่างด้าว ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีต่อคน
ทั้งนี้นายจ้างสามารถยื่นคำขอทางอินเทอร์เน็ตโดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่เว็บไซต์กรมการจัดหางาน www.doe.go.th หรือสำนักบริหารแรงงานต่างด้าวซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลา 15 วัน คือตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ส.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 8.30 น.- 16.30 น.ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ขณะที่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจเยี่ยมการทำงานของศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวใน กทม.จำนวน 5 แห่ง อาทิ สำเพ็ง 2 ถนนกัลปพฤกษ์ และไอทีสแควร์ หลักสี่ พร้อมยืนยันว่า ยังไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ โดยขั้นตอนการเปิดให้นายจ้างแจ้งการทำงานนั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ จะถูกดำเนินการทางวินัยทันที
นายจ้างตื่นตัว ยื่นคำขอใช้แรงงานถูกกฎหมาย
จากการสำรวจเสียงสะท้อนของนายจ้างที่เดินทางมาศูนย์ไอทีสแควร์ นายอุดลย์ มุสิมา ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างระบบประปา ซึ่งเข้ามายื่นแบบเอกสารแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว บอกว่า เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี ตนเองมีลูกจ้างชาวกัมพูชา 6 คน และต้องการแจ้งให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะก่อนหน้านี้เคยถูกขอตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ จึงรู้สึกกังวลว่าจะถูกจับ
ส่วนระยะเวลาของการผ่อนผัน 15 วัน ถือว่ายังน้อยเกินไป เพราะมีลูกจ้างต่างด้าวจำนวนมากที่ทำงานในไทย และอาจเข้ามายื่นเอกสารไม่ทัน พร้อมสนับสนุนให้มีการขยายเวลาเปิดศูนย์รับแจ้งการทำงานคนต่างด้าว
"รัฐบาลก็ทำดีแล้ว ผมก็อยากขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และพร้อมจ่ายเงินค่าใช้จ่ายให้กับลูกจ้างในการดำเนินการหลังจากนี้เพื่อให้ได้การรับรอง ก่อนหน้านี้ก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาขอตรวจสอบเอกสารแรงงาน เพราะใช้แรงงานไม่ถูกฎหมาย" นายอุดลย์ ระบุ
เปิดขั้นตอนพิสูจน์ "นายจ้าง-ลูกจ้าง"เริ่ม 8 ส.ค.นี้
ว่าที่ ร.ต.สมชาย ละอองดาว กรมการจัดหางาน อธิบายว่า หลังจากครบ 15 วันที่เปิดให้ขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันนี้ถึง 7 ส.ค.นี้ จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบความสัมพันธ์ นายจ้าง และลูกจ้าง โดยนายจ้างต้องพาลูกจ้างไปพบเจ้าหน้าที่ ภายในเวลา 30 วัน ระหว่างวันที่ 8 ส.ค.- 6 ก.ย.นี้ และขั้นตอนสุดท้ายเป็นการขอใบอนุญาตทำงาน โดยแรงงานต้องไปทำเอกสารรับรองตัวบุคคลหรือ CI ซึ่งทางการเมียนมา และกัมพูชา จะส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดให้บริการที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Service ในประเทศไทย โดยเมียนมามีค่าใช้จ่าย 2,350 บาทต่อคน และกัมพูชา 4,400 บาทต่อคนสำหรับลาว ต้องกลับไปทำพาสปอร์ตที่ประเทศต้นทาง และเข้าสู่ระบบ One Stop Service เพื่อขอวีซ่าทำงาน ตรวจโรค และขอใบอนุญาตทำงานในจุดเดียวกัน มีค่าใช้จ่าย 2,050 บาทต่อคน
เขาบอกว่า ข้อสงสัยที่ส่วนใหญ่นายจ้างจะมีเอกสารมาแสดงตนเข้าใจว่าจะมาเปลี่ยนวีซ่าและเปลี่ยนนายจ้างได้ในจุดนี้ ซึ่งขอย้ำว่าในการเปิดรับรอบนี้เป็นกรณีพิเศษ จะรับเฉพาะกลุ่มแรงงานที่ไม่มีเอกสารแสดงตัวตนใน 3 สัญชาติคือ ลาว กัมพูชา และเมียนมา