วันนี้ (25 ก.ค.2560) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ทั้งจากประชาชนที่เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ประกอบกับผลการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พบว่ากลุ่มนายทุนที่มีความรู้ด้านกฎหมาย ได้ใช้ช่องทางของกฎหมายขายฝากเอาเปรียบลูกหนี้ และทำให้ที่ดินที่ประ ชาชนใช้เป็นที่ทำกิน และที่พักอาศัยต้องตกเป็นของเจ้าหนี้ในที่สุด ด้วยการให้กู้เงินด้วยวิธีขายฝาก
โดยกำหนดกรอบเวลาในการชำระเงินคืนเพียง 2-3 เดือน ซึ่งปิดทางเกษตรกร หรือชาวบ้าน ในการนำเงินมาชำระคืน แต่ต้องยอมขายฝากเพราะไม่มีทางเลือกอื่น รวมทั้งใช้วิธีบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเจรจา จนกระทั่งครบสัญญาขายฝาก
พ.ต.อ.ดุษฎี ระบุว่า แม้กระทรวงยุติธรรมกำลังรวบรวมวิธีการแก้ปัญหา ทั้งการปรับแก้ไขเนื้อหากฎหมาย เช่นการกำหนดกรอบระยะเวลาการทำสัญญาขายฝากต้องไม่เกิน 1 ปี หรือการทำธุรกรรม ต้องกระทำผ่านสถาบันการเงิน และอีกหลายแนวทาง เพื่ออุดช่องโหว่ของกฎหมาย แต่ส่วนตัวเห็นว่าควรยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ เพราะยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำนอง ซึ่งสามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้ โดยกระทรวงยุติธรรมกำลังเร่งหาข้อสรุปในเรื่องนี้
ซึ่งจากข้อมูลที่ประชาชนเข้าขอความช่วยเหลือกับศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม พบการสูญเสียที่ดินทำกินของเกษตรกร ถึงร้อยละ 50 จากปัญหาขายฝาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้คดีฆ่า 8 ศพครอบครัวนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านกลางหมู่ที่ 1 อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ก็มีมีชนวนเหตุมาจากการขายฝากที่ดิน ทำให้กฎหมายขายฝาก ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเอาเปรียบประชาชน และเป็นที่มาให้เกิดคำถามว่า ควรปรับปรุง หรือ ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้หรือไม่